Wednesday, April 2, 2008

Free Will

ขณะที่ทุกคนกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ก็มีเสียงหนึ่งตะโกนโพล่งขึ้นมา

"นี่ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมเราจะต้องมาทำงานน่าเบื่อซ้ำซากอย่างนี้ทุกวันด้วย"

"หลานเอ๊ย งานนี้มันเป็นหน้าที่ของพวกเรา เราก็ทำอย่างนี้กันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษแล้ว" อีกเสียงหนึ่งตอบ

"แล้วลุงไม่รู้สึกเบื่อบ้างเหรอครับ ที่ตั้งแต่เกิดมา เราก็ต้องมาทำงานขนส่งก๊าซ เดินทางไปส่งยังที่ที่ไกลแสนไกล ส่งเรียบร้อยก็ต้องแบกก๊าซจากที่นั่นกลับมาอีก วนเวียนไปอยู่อย่างนี้ ผมเบื่อครับ"

"การทำงานนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรายังคงเป็นพวกเรา ถ้าไม่ได้ทำงานนี้ ลุงก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร" ลุงตอบเสียงหนักแน่น

"ชีวิตของเรา เรากำหนดเองได้นะลุง อย่าให้ไอ้งานบ้าๆ นี่มันมาควบคุมเรา แล้วมันก็มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างในโลกนี้ ที่เราทำแล้วมีความสุข" หลานยังคงพูดต่อ

"งั้นเหรอ แล้วเจ้าอยากจะทำอะไรล่ะ"

"เอ่อ...คือ..." หลานอึกอัก "เอาเป็นว่าผมเกลียดไอ้งานนี้ก็แล้วกัน แล้วผมก็เชื่อด้วยว่ามีอีกหลายคนที่คิดแบบผม ผมจะเป็นคนปลดปล่อยพวกเขาเอง" พูดจบหลานก็วิ่งหายไป ลุงก็ได้แต่ส่ายหน้า
.....................................................................................................

หลังจากนั้นไม่นาน ในระหว่างที่ทำงานกันอยู่ เพื่อนของลุงคนหนึ่งก็มาบอกกับลุงว่า
"นี่รู้รึป่าว ตอนนี้หลานแกมันก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่แล้ว"

"มันไปทำอะไรเหรอ" ลุงถาม

"ก็ตอนนี้น่ะสิ หลานแกน่ะ มันเป็นผู้นำกลุ่มปลดปล่อย สนับสนุนให้เราเลิกทำงาน แล้วเลือกทางเดินชีวิตของเราเอง" เพื่อนของลุงเล่าด้วยความร้อนใจ "แล้วตอนนี้ก็มีพวกเราเห็นด้วยกับหลานแกเยอะด้วย"

"บ้าจริง นี่มันเอาจริงรึเนี่ย" ลุงร้องออกมาด้วยความตกใจ "ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน"
......................................................................................................

ลุงวิ่งหน้าตาตื่นมาหาหลานที่กำลังถูกรายล้อมด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนมาก

"นี่เจ้าทำอะไรลงไปเนี่ย"

"อ้าวลุง ผมอยากเจอลุงอยู่พอดีเลย" หลานกล่าวทักขึ้นโดยไม่ได้สนใจกับอารมณ์ของลุง "ลุงดูสิ ตอนนี้ผมมีเพื่อนที่คิดแบบเดียวกับผมมากขนาดนี้แล้ว ลุงไม่สนใจจะเลิกทำงานนั่น แล้วมาร่วมกับพวกเราเหรอ"

"ลุงเคยบอกไปแล้วใช่มั้ย ว่าถ้าไม่ได้ทำงานนั่น พวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไป" ลุงกล่าวด้วยความโกรธ

"ไม่มีเหตุผลที่จะดำรงชีวิตอยู่เหรอ ลุงพูดอะไรน่ะ" หลานยิ้ม "ดูพวกเราตอนนี้ที่สามารถบงการชีวิตตัวเองได้สิ มีความสุขกว่าเมื่อก่อนมากเลย ลุงยังอยากให้งานนั่นมาบงการชีวิตลุงอยู่อีกเหรอ"

"นี่ เจ้า..." ลุงพูดไม่ออกด้วยความโกรธสุดขีด แล้วก็หันหลังเดินจากไปทันที
......................................................................................................

ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หญิงวัยกลางคนกำลังรอผลตรวจของลูกชายที่ป่วยอย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุดหมอก็เดินเข้ามาหาเธอ
"คุณหมอคะ ลูกชายดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ" เธอละล่ำละลักถามหมอ
"ผมเสียใจด้วยครับ ลูกคุณเป็นมะเร็งเม็ดเลือดแดง"
......................................................................................................

No comments: