Monday, December 31, 2007

วีดีโอ Mandelbrot Set



ผลงานวีดีโอ Mandelbrot Set ชิ้นนี้ทำขึ้นโดยนักเรียนทุนรัฐบาลไทย ซึ่งศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย Cornell ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้เพลง Mandelbrot Set ของ Jonathan Coulton เป็นเพลงประกอบ
ที่มา เวปไซด์สำนักงานผู้ดูแลนักเรียนในสหรัฐอเมริกา
ที่มา เวปไซด์มหาวิทยาลัย Cornell

Saturday, December 29, 2007

หุ่นยนต์วาดภาพเหมือน



หุ่นยนต์วาดภาพเหมือน ผลงานจาก Learning Algorithms and Systems Laboratory (LASA) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าหุ่นยนต์จะจับภาพ snapshot ของนายแบบหรือนางแบบ แล้วจึงจับปากกาเพื่อวาดโครงหน้าก่อน แล้วจึงเติมรายละเอียดของใบหน้าทีหลัง โดยอัลกอริทึ่มที่ใช้กับหุ่นยนต์ตัวนี้ได้แก่ face detection และ image reconstruction เพื่อจดจำและสร้างภาพของผู้เป็นแบบ และ trajectory planing เพื่อควบคุมแขนกลให้วาดภาพเหมือนตามแบบ อยากเห็นแบบเต็มๆว่าภาพที่วาดจะเหมือนขนาดไหนแวะไปดูได้ที่เวปไซด์ของกลุ่มวิจัย คลิกที่นี่

ที่มา Learning Algorithms and Systems Laboratory (LASA)

Wednesday, December 26, 2007

ภาพจากแลป: กระรอกเลียนกลิ่นงู

นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอเนีย (University of California, Davis) ประเทศสหรัฐอเมริกาศึกษาพบพฤติกรรมของกระรอกที่เอาคราบของงู มาถูตัวให้กลิ่นของงูติดตัวเพื่อทำให้ผู้ล่าหรืองูตัวอื่นเข้าใจผิดและไม่โจมตีกระรอก
ภาพจาก National Geographic

Friday, December 21, 2007

ข้อความที่เราส่งไปหามนุษย์ต่างดาวมันน่าเบื่อเกินไป


YVAN DUTIL และ STEPHANE DUMAS สองนักดาราศาสตร์ชาวแคนนาดา ออกมาแนะนำว่า ข้อความที่นักวิทยาศาสตร์ส่งออกไปในจักรวาลด้วยคลื่นวิทยุ เพื่อพยายามสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว นั้นอาจจะน่าเบื่อเกินกว่าที่มนุษย์ต่างดาวจะตอบกลับ ข้อความที่มนุษย์ส่งออกไปมักจะพยายามแสดงถึงสติปัญญาของพวกเรา เช่น ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ใส่โค้ดไว้ หรือความรู้ด้านวิทยาศาสตร์อื่นๆ รวมไปถึงประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ข้อความเหล่านี้สองนักดาราศาสตร์ประจำโครงการตามหามนุษย์ต่างดาวหรือ SETI (Search for Extra-Terrestrial Intelligence) มองว่าอาจจะเป็นแค่สแปมสำหรับมนุษย์ต่างดาวที่มีสติปัญญาสูงกว่ามนุษย์ โดยทั้งสองยังแนะนำต่อไปว่า ข้อความที่น่าจะเป็นที่สนใจสำหรับเอเลี่ยนน่าจะเป็นเรื่องปัญหาทางสังคม การเมือง หรือเศรษฐกิจของชาวโลกมากกว่า

ที่มา GIZMODO

ฆ่ามะเร็งด้วยคลื่นความถี่วิทยุจากท่อนาโน

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนาท่อนาโนที่มีขนาดเล็กจิ๋ว ซึ่งสามารถใช้เป็นตัวเหนี่ยวนำคลื่นความถี่วิทยุเพื่อสร้างความร้้อนและฆ่าเซลล์ในบริเวณรอบข้าง การปราบมะเร็งด้วยคลื่นความถี่วิทยุนั้นถูกใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งมานานแล้ว แต่ใช้เข็มเป็นตัวเหนี่ยวนำคลื่นวิทยุ จึงมักมีปัญหาเรื่องรัศมีการทำลายกระจายวงกว้างและฆ่าเซลล์ดีด้วย การใช้ท่อนาโนเป็นตัวเหนี่ยวนำแทน ทำให้นักวิจัยสามารถฉีดท่อขนาดเล็กนี้ไปยังบริเวณเซลล์มะเร็งและกำจัดเซลล์มะเร็งได้
โดยส่งผลกระทบเซลล์รอบข้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ล่าสุดทีมนักวิจัยประสบความสำเร็จในการใช้ท่อนาโนดังกล่าวกำจัดมะเร็งในตับของกระต่าย ในขั้นต่อไปทีมวิจัยพยายามที่จำกัดรัศมีการทำลายให้แคบลงมาอีก และหาวิธีที่จะส่งเจ้าท่อนี้ไปยังบริเวณของเซลล์มะเร็งให้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยคาดว่าอีกไม่นานเทคนิคนี้จะสามารถนำมาใช้รักษาในคนได้จริง

ที่มา The Future of Things

ภาพจากแลป: บรรพบุรุษวาฬ?

กระดูกฟอสซิลของ Indohyus สัตว์ที่มีลักษณะคล้ายกวาง ซึ่งถูกเชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของวาฬหรือที่ชาวบ้านเรียกปลาวาฬ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เคยอาศัยบนแผ่นดินก่อนวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์ทะเล
ภาพจาก National Geographic

Wednesday, December 19, 2007

นักคณิตศาสตร์ค้นพบสาเหตุของการจราจรติดขัด

เคยมั้ยใช้เวลายี่สิบนาที ขับรถจากหน้าปากซอยไปได้แค่สองไฟแดง ทั้งๆที่ ฝนไม่ตก ไม่มีอุบัติเหตุ ไฟเขียวแต่ทำไมรถไม่เขยื้อน (ว่ะ) ล่าสุดนักคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Exeter ประเทศอังกฤษมีทฤษฏีใหม่
จากการศึกษาโมเดลทางคณิตศาสตร์ทำให้นักวิจัยค้นพบสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า 'backward travelling wave' (ไม่ขอแปลละกันครับ) โดยหลักการคือ ทุกครั้งที่คุณหรือใครก็ตามเหยียบเบรก หรือชะลอความเร็ว จะส่งผลให้รถคันหลังคุณเบรกหรือชะลอความเร็วไปด้วย และผลดังกล่าวก็จะส่งต่อเป็นทอดๆไปจนถึงรถคันที่อยู่หลังคุณหนึ่งกิโลเมตร ใช่แล้วครับคุณแตะเบรกเพียงนิดเดียว อาจทำให้รถคันหลังคุณหนึ่งกิโลเมตรต้องเหยียบเบรกเลยก็ได้
โมเดลดังกล่าวช่วยอธิบายว่าทำไมรถติดโดยไม่มีสาเหตุบนถนนที่มีรถค่อนข้างมาก
ทีมนักวิจัยยังอธิบายต่อว่าคนขับรถมักจะมีการตอบสนองที่ช้า ทำให้เกิดการชะลอหรือเบรกโดยไม่จำเป็นบ่อยครั้ง และการแตะเบรกของคนข้างหน้าคุณหลายกิโล อาจทำให้คุณที่ขับตามมาต้องเจอรถติดในอีกสิบนาทีถัดมาหลังจากการแตะเบรกนั้นเกิดขึ้น

ที่มา Physorg.com

Tuesday, December 18, 2007

ความหวังในการสร้างเส้นเลือดใหม่จากเซลล์

ทีมนักวิจัยจาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงเซลล์ให้เรียงตัวเป็นโครงสร้างคล้ายหลอดเลือด โดยเริ่มจากการสร้างพื้นผิวที่มีลักษณะเป็นท่อยาวขนาดเล็กระดับนาโนเมตร แล้วจึงเพาะเลี้ยงเซลล์บนพื้นผิวดังกล่าว ก่อนจะเหนี่ยวนำให้เซลล์เรียงตัวในสามมิติในลักษณะของเลือดหลอด

ในขั้นต่อไปทีมนักวิจัยพยายามที่จะเพาะเลี้ยงหลอดเลือดดังกล่าวเข้าไปในเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตและดูว่าจะ
สามารถทำงานได้ปกติหรือไม่ หากสำเร็จ ก็จะเป็นอีกขั้นที่นำไปสู่การสร้างหลอดเลือดขึ้นมาใหม่เพื่อรักษาโรคต่างๆ เช่นโรคไต โรคตับหรือแม้กระทั่งโรคหัวใจ

ที่มา Phyorg.com

เดวิด กรอส (David J. Gross) นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล จะมาบรรยายที่เมืองไทย

เดวิด กรอส (David J. Gross) นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล ปี 2547 จะมาบรรยายพิเศษในโครงการ "สานสัมพันธ์สู่สันติวัฒนธรรม" วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2551 เวลา 14:00 น. ณ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพฯ
ข้อมูลเพิ่มเติมและรับบัตรฟรี ติดต่อ โทร. (02) 201 5007 โทรสาร (02) 201 5072 อีเมล์ scblw@mahidol.ac.th

ลิงค์ www.peace-foundation.net
ที่มา เมเนเจอร์ออนไลน์

Monday, December 17, 2007

โตโยต้ามาแหวกแนว เริ่มโครงการศึกษาสมอง

บริษัทรถยนต์ชื่อดัง โตโยต้า ได้ออกมาแถลงการณ์ว่าจะร่วมกับ Institute of Physical and Chemical Research (RIKEN) ประเทศญี่ปุ่น เพื่อตั้งทีมวิจัยศึกษาการทำงานของสมอง โดยส่วนหนึ่งในโครงการที่วางแผนไว้ 20 ปีนี้ จะเป็นการศึกษาการควบคุมยานพาหนะ หรือหุ่นยนต์ด้วยสมองของมนุษย์!!!

โตโยต้าได้มองว่าการควบคุมการทำงานของรถยนต์ด้วยจิตที่พวกเขากำลังจะพัฒนาขึ้นนี้จะสามารถลดอุบัติเหต
ุทางรถยนต์ลงได้ (บนความเชื่อที่ว่าการตอบสนองทางจิตรวดเร็วและแม่นยำกว่าการตอบสนองทางร่างกาย
แต่อย่าเมาแล้วขับนะครับ) และจะเป็นต้นแบบของรถยนต์ในอนาคต นอกจากนี้โตโยต้ายังคาดการณ์ว่าธุรกิจหุ่นยนต์จะเป็นธุรกิจหลักอีกอันของบริษัทในอนาคตอีกด้วย


ที่มา Pink Tentacle

Sunday, December 16, 2007

เก้าอี้อัจฉริยะ





โครงงาน Take_a_seat เป็นโปรเจคจาก Design Academy Eindhoven แสดงถึงคอนเซปการใช้งานของเก้าอี้ในห้องสมุด ที่จะติดตามเราไปทุกที่ และพร้อมให้เรานั่งทันทีเมื่อเราต้องการ

แผนที่สมอง

แผนที่สมองนี้วาดขึ้นโดยอ้างอิงจากส่วนต่างๆของสมองจริงของมนุษย์
ที่มา http://www.unitseven.co.nz/

Thursday, December 13, 2007

เกาหลีใต้โคลนแมวเรืองแสง

นักวิจัยจากเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการโคลนแมวที่มียีนเรืองแสง ซึ่งทำให้แมวโคลนเหล่านี้เรืองแสงภายใต้ลำแสงอุลตร้าไวเลต โดยเทคนิคการโคลนแมวที่มียีนจำเพาะนี้ อาจสามารถนำไปใช้เพื่อโคลนสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่เป็นโรคทางพันธุกรรมอันเกิดจากยีนใดยีนหนึ่ง เพื่อผลิตสัตว์ที่มีความผิดปกตินี้ออกมาใช้ในการศึกษาโรคดังกล่าว

ที่มา Physorg.com

Tuesday, December 11, 2007

Laws of chance ผลงานของ Jean Arp

ภาพจาก The Museum of Modern Art นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ภาพการจัดเรียงของรูปทรงสี่เหลี่ยมในผลงานศิลปะชื่อ Collage with Squares Arranged According to the Laws of Chance ของ Jean Arp ชิ้นนี้ไม่ได้เกิดจากการออกแบบของตัวศิลปิน แต่รูปแบบการจัดวางเกิดจากการที่ศิลปินฉีกกระดาษ และปล่อยแผ่นกระดาษลงบนผืนกระดาษใหญ่อีกแผ่นที่วางไว้บนพื้น หลังจากนั้นจึงค่อยจัดเรียงองค์ประกอบของแผ่นกระดาษ โดยยึดตำแหน่งที่กระดาษตกลงมาเป็นหลัก

Jean Arp อ้างว่า ผลงานในลักษณะนี้อยู่นอกเหนือจากฝีมือของมนุษย์และเป็นผลงานที่เกิดจากธรรมชาติหรือที่เขาเรียกว่า Laws of chance

หุ่นยนต์แสดงสีหน้า





ผลงานหุ่นยนต์แสดงสีหน้าชิ้นนี้ เป็นผลงานจาก Takanishi Laboratory มหาวิทยาลัย Waseda ประเทศญี่ปุ่น การเปลี่ยนแปลงสีหน้าของหุ่นยนต์ควบคุมโดยการเปลี่ยนจุดควบคุมที่มีถึง 27 จุด ทั่วใบหน้า ทีมนักวิจัยได้ทดสอบเปรียบเทียบการแสดงออกทางสีหน้าของหุ่นยนต์กับสีหน้าต้นแบบของมนุษย์ และประเมินความแตกต่าง โดยหุ่นยนต์รุ่นล่าสุดของพวกเขาแสดงความแตกต่างเฉลี่ยในแต่ละจุดเพียงแค่ 3.5 มิลลิเมตรเท่านั้น

ที่มา Takanishi Lab

Monday, December 10, 2007

หยุดรถด้วยรังสีไมโครเวฟ

Eureka Aerospace บริษัทวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ได้พัฒนาระบบที่ใช้คลื่นไมโครเวฟยิงตรงไปที่รถยนต์เพื่อหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ในทันที โดยรุ่นต้นแบบสามารถจำกัดไปที่รถเป้าหมายที่อยู่ไกลออกไป 50 ฟุต ระบบดังกล่าวคาดว่าจะถูกพัฒนาขึ้นมาให้ตำรวจใช้ในการหยุดรถของคนร้าย หรือ คนเมาที่พยายามขับรถหนีตำรวจ ต่อไปการขับรถไล่กันแบบที่เห็นกันบ่อยๆในหนังฮอลลีวู้ดจะได้หมดไปเสียที

ที่มี Technabob

Sunday, December 9, 2007

I think, therefore I am

"บ่ายวันอาทิตย์มันน่าเบื่อจิงๆ"
"แถมมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเรานะ"
"ทำไมหูชอบฝาด"

เสร็จสิ้น
"เฮ้อ ได้ยินอีกละ"
"สงสัยจะทำงานหนักไปรึเปล่านะ เย็นนี้กินอะไรดีหว่า"
"อยากกินเบียร์วุ๊ย"

ยกเลิกการทำงาน
ปิดตัวเองในเวลา 2 วินาที
"ไม่ไหวแล้ว สงสัยต้องไปหาหมอซะหน่อยแล..................."

นักวิจัยโครงการสมองเทียมแห่งสถาบันพัฒนาชีวิตจำลองและหุ่นยนต์ สั่งหยุดการทำงานของวงจรเซลล์สมองเทียม

แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นเพียงความว่างเปล่า

"I think, therefore I a........."

ผู้จัดการออนไลน์เปิดให้โหวตสุดยอดคนวิทยาศาสตร์ไทยแห่งปี

เวปไซด์ผู้จัดการออนไลน์ (Manager Online) ได้เปิดให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมในการจัดอันดับสุดยอดคนในวงการวิทยาศาสตร์ของไทย โดยมีให้เลือก 10 ตัวเลือก ตั้งแต่ ศ.ดร. ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคนปัจจุบัน ไปจนถึงสามนักเรียนเตรียมอุดมศึกษาที่ชนะเลิศการประกวดโครงงานของ Intel International Science and Engineering ปี 2007 โดยมีของรางวัลวิทยาศาสตร์มอบให้ผู้โชคดีด้วย สนใจร่วมโหวตได้ที่ ผู้จัดการออนไลน์ คลิกที่นี่ (ผู้จะโหวตต้องสมัครสมาชิกกับทางเวปไซด์ และล็อกอินก่อน)

หมดเขตโหวต 25 ธ.ค. 2550

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

Thursday, December 6, 2007

หุ่นยนต์เล่นไวโอลิน



โตยาต้า เปิดตัวหุ่นยนต์เล่นไวโอลินรุ่นล่าสุด ซึ่งมีส่วนข้อต่อแขนและนิ้ว ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ถึง 17 ส่วน ทำให้เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถเล่นไวโอลินได้เพราะไม่ต่างไปจากมนุษย์ (ชมวีดีโอจากยูทูป) นอกจากนี้ในวีดีโอยังได้มีการสาธิตการทำงานของหุ่นยนต์วีลแชร์สำหรับผู้พิการทางขาอีกด้วย

ที่มา Pink Tentacle

Monday, December 3, 2007

ตรวจจับมะเร็ง โดยเครื่องมือที่สร้างโดย Nanotechnology

นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า เซลล์มะเร็งมีความอ่อนนุ่มมากกว่าเซลล์ปกติของมนุษย์ ซึ่งการค้นพบนี้ส่งผลให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งได้ง่ายขึ้น

โดยที่นักวิจัยได้ใช้ เครื่องมือที่สร้างโดยนาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology deviced) เรียกว่า Atomic Force Microscope ช่วยในการตรวจหาเซลล์มะเร็ง เครื่องมือนี้จะมีปลายแหลมเล็กติดกับสปริง ซึ่งปลายแหลมนี้จะไปกดกับเซลล์ เพื่อวัดความอ่อน หรือแข็งของเซลล์

นักวิทยาศาสตร์อ้างว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยในการตรวจหามะเร็งที่ตรวจจับได้ยาก เช่น มะเร็งในตับอ่อน หรือ มะเร็งในปอด ซึ่งจะส่งผลให้รักษามะเร็งได้ทันท่วงที ก่อนที่มะเร็งจะลุกลาม


ที่มา http://www.reuters.com/

ลิงจำภาพที่เกิดขึ้นชั่วขณะได้ดีกว่ามนุษย์

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้ทดสอบให้ ลิิงชิมแปมซี (สิ่งมีชีวิตที่ถูกเชื่อว่าฉลาดที่สุดรองจากมนุษย์) อายุ 7 ขวบ ชื่อว่า Ayumu เล่นเกมจำตัวเลขบนจอคอมพิวเตอร์ โดยตัวเลข 1-9 จะปรากฏขึ้นบนจอเพียงชั่วอึดใจ แล้วถูกบังไว้ด้วยสี่เหลี่ยมทึบ (ดูวีดีโอสาธิตจาก nature.com คลิกที่นี่) ลิงก็จะเริ่มจิ้มที่สี่เหลี่ยมทึบตามลำดับตัวเลขที่ปรากฏก่อนหน้านี้ ผลปรากฏว่า เมื่อให้คนแข่งกับลิง ลิงชนะครับ (ดูวีดีโอแล้วจะอึ้ง)

อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองดังกล่าว ไม่ได้แปลว่า ลิงฉลาดกว่าคน แต่อาจเป็นเพราะ ความสามารถในการจำภาพของลิงนั้น เอื้อประโยชน์ต่อการอยู่รอดของมัน ในขณะที่คนอาจจะเสียความสามารถดังกล่าวไป แต่ได้ความสามารถในการเข้าใจภาษาและสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนมาแทน

ที่มา nature

ไม่ต้องใช้ตัวอ่อนมนุษย์อีกต่อไป : Stem Cells จากผิวหนัง

อาทิตย์ที่ผ่านมีความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในวงการสเตมเซลล์หลังจากที่เงียบเหงามานาน โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น จากมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้ใส่ยีนสี่ยีนเข้าไปในเซลล์จากผิวหนังมนุษย์ และสามารถเปลี่ยนให้มันกลับไปเป็นสเตมเซลล์ได้ สร้างความหวังให้กับการนำสเตมเซลล์มาใช้รักษาโรค โดยที่ไม่ต้องใช้ตัวอ่อนมนุษย์มาผลิตสเตมเซลล์ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันในแง่ของจริยธรรม

สเตมเซลล์กับความหวังในการรักษาโรค
ภาพจาก http://www.republicanvoices.org/stem_cells_2.jpg

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในยีนที่ใช้ใน "สูตรการสร้างสเตมเซลล์" ดังกล่าว คือ c-Myc ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นยีนที่ำนำไปสู่การก่อมะเร็ง อาจจะนำปัญหามาสู่สเตมเซลล์ที่สร้างขึ้นจากเซลล์ผิวหนังได้
ล่าสุดนักวิจัยกลุ่มเดิมเปิดเผยความสำเร็จอีกขั้น โดยสามารถสร้างสเตมเซลล์จากเซลล์ผิวหนังโดยไม่ต้องใช้ยีน c-Myc ถึงแม้ว่าวิธีใหม่จะกินเวลามากกว่า และได้จำนวนสเตมเซลล์น้อยกว่า แต่ก็เป็นอีกขั้นความสำเร็จที่น่ายินดีอย่างยิ่ง

ที่มา scientific american

Saturday, December 1, 2007

หนูปลอดมะเร็ง

นักวิจัยจาก University of Kentucky ได้ค้นพบว่าหนูที่มีการทำงานของยีนที่ชื่อว่า “Par-4″ มากกว่าปกติจะไม่แสดงการเกิดมะเร็ง และแถมยังมีอายุยืนยาวกว่าหนูปกติอีกด้วย นักวิจัยเชื่อว่า Par-4 เป็นยีนที่มีหน้าที่สำคัญในการกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติในร่างกาย (apoptosis) ซึ่งเป็นกระบวนสำคัญในการยับยั้งมะเร็ง ยีน Par-4 จึงกำลังเป็นที่สนใจในการรักษามะเร็งในมนุษย์

ที่มา BBC NEWS

Thursday, November 29, 2007

หลักฐานที่อาจสนับสนุนทฤษฎีเอกภพคู่ขนาน (Parallel Universe)


เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบบริเวณที่ค่อนข้างว่างเปล่า ปราศจากดวงดาว หรือวัตถุอื่นๆ ( ภาษาดาราศาสตร์เรียกว่า void) ในจักรวาลห่างออกไปจากโลกเราประมาณพันล้านปีแสง void ดังกล่าวมีขนาดกว้างกว่า void ปกติที่พบมากจนยากที่จะิิอธิบายว่ามันคืออะไร นักฟิสิกส์จาก University of North Carolina at Chapel Hill จึงได้นำเสนอแนวคิดที่ว่า บริเวณดังกล่าวอาจจะคือเอกภพคู่ขนานของเรา

ทฤษฎีเอกภพคู่ขนานกล่าวไว้ว่า จักรวาลของเราประกอบไปด้วยหลายเอกภพ (และเอกภพของเราก็เป็นเพียงหนึ่งในนั้น) นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีปลีกย่อยอีกมากมายที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างเอกภพของเรากับเอกภพคู่ขนาน (รายละเอียดอ่านได้จากบทความจาก วิชาการดอทคอม คลิกที่นี่)

สิ่งที่นักดาราศาสตร์ค้นพบนี้จะเป็นหลักฐานที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าวหรือไม่ยังต้องรอหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติมต่อไป

ที่มา www.paternitytestinglabs.com
ลิงค์บทความเกี่ยวกับ เอกภพคู่ขนาน จากวิชาการดอทคอม คลิกที่นี่ี่

Wednesday, November 28, 2007

ลิงในสหรัฐควบคุมขาหุ่นยนต์ในญี่ปุ่น

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Duke ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ฝังอุปกรณ์จับคล่ืนสัญญาณในสมองของลิงสองตัว แล้วแปลสัญญาณคลื่นสมองที่ลิงใช้สำหรับควบคุมขาของพวกมัน หลังจากนั้นก็ส่งสัญญาณดังกล่าวผ่านทาง internet เพื่อไปบังคับขาของหุ่นยนต์ที่ Advanced Telecommunications Research Institute International in Kyoto ประเทศญี่ปุ่น ความสำเร็จดังกล่าว เป็นความหวังอีกขั้นที่จะทำให้ผู้พิการขา กลับมาเดินได้อีกครั้ง

ที่มา NewScientist

Monday, November 26, 2007

ภาพจากแลป: fractal ที่พบในธรรมชาติ

การเรียงตัวของใบที่มีลักษณะเป็น Fractal

Sunday, November 25, 2007

ภาพจากแลป: กาแลกซี่กินกาแลกซี่

ภาพจำลองการชนกันของกาแลกซี่แอนโดรเมดา และกาแลกซี่ทางช้างเผือกของเรา เหตุการณ์นี้ถูกทำนายว่าจะเกิดขึ้นในอีก 3 พันล้านปีข้างหน้า
ภาพจาก MSNBC

Thursday, November 22, 2007

ควบคุมจอคอมพิวเตอร์ด้วยนิ้วมือแบบภาพยนต์เรื่อง Minority Report

หากยังจำกันได้กับหนังเรื่อง Minority Report ที่ฉายไปเมื่อประมาณ 5 ปี ก่อน ที่ทอม ครูซ พระเอกของเรื่อง ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยนิ้วมือ ในการสืบสวนหาคนร้าย

ล่าสุดนักศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นำจอยสติกของเครื่องเล่นเกมสุดฮิต Wii มาดัดแปลง และแสดงการควบคุมหน้าจอทีวีอย่างง่ายด้วยนิ้วมือ




การควบคุมจอคอมพิวเตอร์ด้วยนิ้วมือ จากหนังเรื่อง Minority Report

EMIEW 2 : หุ่นยนต์ช่วยงานในออฟฟิศ

ฮิตาชิเปิดตัวหุ่นยนต์ตัวใหม่ ชื่อว่า EMIEW 2 ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับช่วยเหลืองานเล็กๆน้อยๆ ภายในออฟฟิศ อาทิเช่น ต้อนรับแขก พาแขกไปยังส่วนต่างๆของออฟฟิศ จัดเก็บเอกสาร หรือเสริฟเครื่องดื่ม
ที่มา: pink tentacle


Tuesday, November 20, 2007


"Exsci's selected product"

THINK GREEN shirt by UNICEF
$21.99

Click here to buy

Why does Thomas Edison become the one of creative persons?

If we think about creative persons in history, we will find that there are many creative persons who worked in different areas. They are scientists, politician, artists, philosopher etc. Studying about their biography, behavior and thinking process help us to understand creativity and improve our creative skill. The creative person analyzed in this essay is accepted as the man who lights the world up (Beals, 1997). Obviously, his name is Thomas Edison. Many things that he invented have influenced the world until now. Learning and analyzing his achievement, biography and characteristic will help us understand why people honor him as a creative inventor.


In Edison’s life, there are more than 1,000 inventions that he invents. However, most people think that his famous and influential invention is the incandescent light bulb, although he did not invent. Actually, the thing that he made and significantly influences the world is a complete central power station in Brockton, Massachusetts, USA in 1883. This is the first power plant that safely generates and distributes electricity that effected developing of other technology like a chain reaction (Beals, 1997). Moreover, in 1890, his interesting focused on inventing the first Vitascope. This would go ahead to the first silent motion picture. Furthermore, During the World War I, he has been working for the U. S. government in order to inventing the defensive system for submarines and ships. Also, there are other inventions that are prototypes of the present products such as telephone, phonograph, generator, motor etc. Consequently, “The father of the electricity age” and “The greatest inventor who ever lived” were the designation that he was honor. (Beals, 1997)

Since being a child, Edison has had character of creative person. First of all, we can notice from physiology. Balzac (2006) discussed about neurobiology of creativity in his article that requirement of creativity is coactivation and communication between brain network. He concluded that creative people are different from general people in three things; a high level of knowledge, processing of the frontal lobe (a part of the brain) to generate the divergent thinking and adjustability of neurotransmitters such as norepinephrine in their frontal lobe. Actually, there is nobody to try to check his knowledge or to experiment with his brain. However, Edison has the unusually broad forehead and the head that is larger than average (Beals, 1997). These means his frontal lobe is larger than usual people, which implies that he is more intelligent than others.

In addition, According to his biography, we can notice his creative traits: playfulness, positivity, passion and, especially, persistence. After Edison had learnt to talk already, he always asked everybody when he wanted to clarify the working of something. If they answered “I do not know”, he would ask “why?” Moreover, the quote that shows his persistence and passion obviously is “Genius is one per cent inspiration and ninety-nine per cent perspiration. Accordingly, a ‘genius’ is often merely a talented person who has done all of his or her homework.”(Beals, 1997). Furthermore, we can extremely accept that Edison is a positive thinking person. The one of evidence for this, also persistence, is he had done more than 3,000 experiments before he found the good condition for building the light bulb, and he always said there had been no any results that failed (Beals, 1997).

Nevertheless, from the theory of Csikszentmihalyi (1988), we can not define the creativity by separating persons and their invention from social system, because creativity is the result of three factors; 1.Field, or social organization of domain 2.Domain, or people who will evaluate the new idea, and 3. Individual, who create new ideas. If we consider Edison’s greatest achievement (electricity power plant) through this theory, we will find the relation between them.

First, Edison is an individual who designed and created the 2-wire system of electricity power plant (this system is imperfect, because of using too much copper wire for distributing the electricity). The power plant is as a field or a set of social institution. And, finally, this kind of power plant was judged by society or people who use his service. No doubt for answers of people, who used electricity from his power plants, it was certain that people got benefit and comfortable from using electricity.

Nonetheless, Dr. Joseph Hopkinson, a British scientist, said that he found out new fundamental theory that was better than the old system to generate and distribute electricity. Hopkin created 3-wire concept and insisted that this would reduce more than 60% of the copper wire that was used in transformer. This means it could decrease capital when running the power plant. Consequently, finally, Edison decided to invite Hopkin to join with him in order to developing and creating the perfect central power station by 3-wire technology (Beals, 1997). We can consider this situation like a loop of creativity from the individual (Edison) to the field (2-wire electricity system) to the domain (customer of 2-wire power plant) to the individual (Hopkin and Edison) to the field (3-wire electricity system) and, finally, to the domain again (customer of 3-wire power plant).
From Edison’s achievement and his trait, we could absolutely accept that he is the greatest inventor in 19th century and, certainly, the one in the list of creative persons honor. He is more diligent, persistent and positive than other people. His invention breaks through the field of power supply in the world. Thus, although we would use any creativity theories to consider him, the result still appears that Edison is creative person obviously.

Reference
  • Balzac, F. (2006). Exploring the Brain's Role in Creativity. NeuroPsychiatry Reviews 7 (5): 1, 19-20.
  • Beals, G. (1999, Jun) Edison’s biography. Retrieved 29th October, 2006, from World Wide Web
    http://www.thomasedison.com/biog.htm
  • Beals, G. (1999, Jun) Edison’s greatest achievements. Retrieved 29th October, 2006, from World Wide Web
    http://www.thomasedison.com/brockton.htm
  • Csikzentmihalyi, M. (1988) Culture and Person: A Systems’ view of creativity, pp. 325-339 in R.J. Sternberg (ed.) The Nature of Creativity. Cambridge: CUP.

Monday, November 19, 2007

ลายสักวิทยาศาสตร์





รู้หรือไม่ (2)



ชอคโกแลตถูกประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกโดยบังเอิญจากการพยายามทำเบียร์

Friday, November 16, 2007

ทฤษฎีสตริงในเวลาสองนาที

การประกวด วีดีโออธิบาย ทฤษฎีสตริงในเวลาสองนาที ซึ่งตัดสินโดย ไบรอัน กรีน นักทฤษฎีสตริงชื่อดังจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นิวยอร์ก โดยวีดีโอที่ชนะเลิศคือ Sting Ducky

Thursday, November 15, 2007

เทศกาลหนังวิทย์ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 13-23 พ.ย. 2550

ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ร่วมกับสถาบันเกอเธ่ ประเทศไทย และสถานเอกอัครราชฑูตฝรั่งเศส โดยการสนับสนุนของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และบริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด แถลงข่าวเทศกาลภาพยนตร์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ครั้งที่ 3 ขึ้นเมื่อวันที่ 10 ต.ค. ณ สถาบันเกอเธ่ เขตสาทร กรุงเทพฯ

เทศกาลดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 –23 พ.ย. ภายในงานมีภาพยนตร์วิทยาศาสตร์นานาชาติเข้าฉายรวม 57 เรื่องจาก 12 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี แคนาดา ญี่ปุ่น เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ออสเตรีย ฮังการี อังกฤษ และไทย โดยจะมีความยาวตั้งแต่ 5 –90 นาที/เรื่อง และทุกเรื่องพากย์เสียงภาษาไทย

ภาพจากแลป: แมงมุมลายประหลาด ที่เหมือนหน้าคนยิ้ม

ภาพจาก National Geographic

รู้หรือไม่ (1)

> ปลาโลมาสามารถหลับขณะว่ายน้ำได้ โดยการสลับไปมาระหว่างการทำงานของสมองข้างหนึ่ง และการพักสมองอีกข้างหนึ่ง

>
ปลาหมึกยักษ์ มีหัวใจสามดวง สองดวงส่งเลือดไปยังเหงือกทั้งสองข้าง อีกดวงสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย

> นกกำหนดเส้นทางการบินโดยอิงจากสนามแม่เหล็กโลก งานวิจัยล่าสุดเปิดเผยว่า นกอาจจะสามารถมอง เห็นสนามแม่เหล็กนี้ได้ด้วยตาเปล่า