Sunday, April 27, 2008

เรื่องสั้นวิทยาศาสตร์: รำลึกเหตุการณ์เชอร์โนบิว แผนยึดโลก 1986

เขียนครั้งแรกเมื่อ 26 เมษายน 2549 ลงเวปไซด์ exsci.net

-1-
การประชุมลับที่มีไม่บ่อยนักบนดาว เดรค หรือที่ชาวโลกตั้งชื่อให้ว่าดาว HD 211415

เลขาธิการฝ่ายแผนงานการล่าดาวอาณานิคม พันเอก แกรมมอน-10-เอฟ กำลังเสนอความคืบหน้าของโครงการแก่ที่ประชุม
"เป็นดาวเคราะห์ที่สมบูรณ์ที่สุดในบรรดาดาวที่เราติดตามมา ทรัพยากรที่ถึงแม้จะถูกใช้ไปอย่างมากแล้ว แต่ก็ยังมากเกินพอสำหรับพวกเราเลยทีเดียว"

"แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่" รองฝ่ายทรัพยากรพยายามเร่งรัดเข้าประเด็น

"พรุ่งนี้ เที่ยงตรง ทุกหน่วยจะเริ่มการโจนเข้าสู่ระบบสุริยะของดาวเป้าหมาย หน่วยอัลฟ่าจะกระจายโจมตีจุดสำคัญทั้ง 6 จุดก่อน หลังจากนั้นเบต้า และแกรมม่าจะตามเก็บจุดที่เหลือ" น้ำเสียงของ พันเอก แกรมมอน เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในแผนงานที่เขาริเริ่มและวางแผนมาตั้งแต่ต้น แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ได้คุมกองทัพที่มีเทคโนโลยีทางการทหารที่ทันสมัยที่สุด
ที่เคยมีบนดาวดวงนี้ ก็ต้องมั่นใจเหมือนกับพันเอก แกรมมอน

“แล้วเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของพวกมันล่ะ อย่าลืมนะว่า พวกเราทนปริมาณสารกัมมันตภาพรังสีได้น้อยกว่าพวกมันหลายเท่า” ผู้ช่วยฝ่ายสาธารณสุขถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถึงแม้พวกมันบางส่วนจะเชื่อถึงการมีอยู่ของพวกเรา แต่ส่วนใหญ่กลับมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ หึหึ ระบบรับสถานการณ์รุกรานของพวกมันถึงได้ยังอ่อนหัดนัก เชื่อมือผมสิ” พันเอก แกรมมอน ด่วนสรุป

-2-
บนดาวเคราะห์โลก ประชากรผู้ซึ่งไม่รับรู้ถึงภัยพิบัติที่กำลังมาถึง ยังคงก้มหน้าก้มตาผลาญทรัพยากรที่ตนมีอยู่อย่างบ้าคลั่ง บางทีพวกเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่า มันเป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้ดาวเคราะห์ของพวกเขารอดพ้นจากความสนใจของพวก
นักล่าทรัพยากรจากดาวอื่น หรือไม่ก็อาจเป็นเพียงความมักง่ายเท่านั้น

“นี่อัลฟ่าวัน ติดต่อยานแม่ การโจนเรียบร้อยดี กำลังมุ่งหน้าสู่ดาวเป้าหมาย ทุกระบบไม่มีปัญหา พร้อมรอรับคำสั่ง"

พันเอกแกรมมอน ผู้เดินทางมากับยานแม่ซีโร่ เพื่อมาคุมการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยจู่โจมโดยตรง รู้สึกได้ถึงวันเกียติยศของเขา แม้ผลงานที่ผ่านมาจะเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวเดรค ก็ไม่สามารถเทียบเท่าความยิ่งใหญ่ของงานนี้หากทำสำเร็จได้ ตำแหน่งพันเอกพิเศษ ที่สภาสูงไม่ได้มอบให้แก่ใครมาเป็นเวลาหลายสิบปี คงไม่ไกลเกินเอื้อม

หน่วยอัลฟ่าอยู่ในระยะจู่โจม พันเอก แกรมมอนจับไมโครโฟนแล้วประกาศปลุกใจบรรดาหน่วยจู่โจมระลอกแรก “อย่าลืมว่านี่เป็นการรบครั้งประวัติศาสตร์ เราไม่เคยจู่โจมดาวที่มีวิวัฒนาการและอารยะธรรมสูงขนาดนี้มาก่อน ความสำเร็จของพวกท่านจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาวเดรค แด่ประชาชนชาวเดรคอันเป็นที่รัก ทุกคนจะภูมิใจในตัวท่าน..... เริ่มโจมตีได้”

“นี่อัลฟ่าวัน กำลังเข้าสู่เป้าหมายภายใน 15 วินาที 14...13...12..11...10...9...8...7...6...5”

“เดี๋ยวก่อน” เสียงแทรกมาจากศูนย์บัญชาการยานซีโร่ “เราตรวจจับพบสารกัมตภาพรังสีที่ระดับ A ที่พิกัด C1-1”
“ระบบป้องกันตัวเองหรือ เป็นไปไม่ได้ พวกมันรู้ตัวก่อนหรือ”
“อัตราการแพร่กระจายเร็วมาก อยู่ในระดับอันตราย ทุกหน่วยถอนตัวก่อน”

“ยกเลิกการบุกโจมตี นี่อัลฟ่าวัน ยกเลิกการบุกโจมตี ทุกลำกลับพิกัดยานแม่ก่อน”

ท่ามกลางความสับสนของเจ้าหน้าที่ภายในยานบัญชาการซีโร่ พันเอก แกรมมอน ดูจะตรึงเครียดที่สุด
“เกิดอะไรขึ้นวะ”

“เราไม่พบสัญญาณของการต่อต้านใดๆ น่าจะเป็นการรั่วไหลเองมากกว่าครับ” เจ้าหน้าที่รายงาน

“ทำไมมันต้องมาเกิดเหมาะเจาะอะไรตอนนี้ ผมไม่สนหรอกนะ ผมจะยึดดาวดวงนี้ให้ได้”

“แต่ท่านครับ เราคงไม่อยากได้ดาวที่ปนเปื้อนไปด้วยกัมตภาพรังสีนะครับ ผมว่าเราควรตรวจสอบการแพร่กระจายก่อนดีกว่าครับ”

“ท่านครับ มีคำสั่งจากสภาสูงให้ชะลอการจู่โจม และให้ติดตามสถานการณ์ไปก่อนครับ”

นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นซึ่งตรงกับวันที่ 26 เมษายน ปี ค.ศ. 1986 ตามปฏิทินดาวโลก และผลจากการเมืองภายในและการต่อต้านการล่าดาวอาณานิคมที่มีมากขึ้น
ในหมู่ประชาชนชาวเดรค ดาวเคราะห์ดวงที่สามของระบบสุริยะแห่งกาแลคซี่ทางช้างเผือก
ก็ยังคงถูกครอบครองด้วยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มาจนถึงตราบปัจจุบัน

ขอไว้อาลัยแด่ ผู้เคราะห์ร้ายและผู้เสียสละจากเหตุการณ์โรงงานปรมาณูระเบิด ณ เชอร์โนบิว

ภาพจากแลป: ชุดกันน้ำสำหรับเพนกวิน

เพนกวินแก่วัย 25 ปีตัวนี้ มีอาการขนร่วง จนไม่สามารถที่จะลงว่ายน้ำได้
เนื่องจากขนของเพนกวินเป็นเสมือนแผ่นกันน้ำให้กับเพนกวิน
นักวิทยาศาสตร์จึงพยายามออกแบบชุดกันน้ำให้กับเพนกวินตัวนี้
เพื่อให้มันกลับมาว่ายน้ำได้อีกครัง
ที่มา National Geographic

Friday, April 25, 2008

Semapedia เชื่อมวิกิพีเดียกับวัตถุรอบตัวเรา

โครงการ Semapedia เป็นโครงการไอเดียสุดเก๋ ที่ต้องการจะเชื่อมโยงบทความจากสารานุกรมออนไลน์อย่าง วิกิพีเดีย เข้ากับสถานที่ หรือวัตถุจริงที่อยู่รอบตัวเรา

ไอเดียของโครงการดังกล่าวคือการนำ บาร์โค้ดสองมิติที่เรียกว่า QR Code (ดูรูปด้านบน) ไปแปะตามสถานที่หรือวัตถุต่างๆ QR Code นั้นสามารถเก็บข้อมูลที่ถูกอ่านด้วยโปรแกรมที่หาดาวโหลดได้ฟรี
หากเรามีมือถือที่
1. มีกล้อง
2. มีโปรแกรมอ่านบาร์โค้ดดังกล่าว
3. และมือถือสามารถเชื่อมต่อเข้าอินเตอร์เนตได้
เราก็เพียงเอามือถือของเราไปถ่ายรูปบาร์โค้ดที่ติดอยู่ตามสถานที่หรือวัตถุต่างๆ แล้วบราวเซอร์ในมือถือของเราก็จะเปิดหน้า วิกิพีเดีย ที่เป็นข้อมูลของวัตถุหรือสถานที่นั้นๆ ใ้ห้เราอ่านทันที


รูปจาก random-good-stuff
ที่มา Semipedia

Monday, April 14, 2008

อาลัยอีกหนึ่งสุดยอดนักฟิสิกส์ John Archibald Wheeler

John Archibald Wheeler อดีตนักฟิสิกส์ทฤษฎีแห่งมหาวิทยาลัย Princeton ผู้ซึ่งเคยร่วมงานกับ ไอสไตน์ เพื่อพัฒนา unified field theory และเคยร่วมงานกับ นีล บอร์ เพื่อพัฒนาฟิสิกส์สาขา nuclear fission เป็นตัวหลักสำคัญในโครงการ Manhattan (atomic bomb) และ โครงการ Matterhorn (Hydrogen bomb) ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นผู้พัฒนา S-matrix ซึ่งถูกใช้ในการศึกษาฟิสิกส์อนุภาค นอกจากนี้ยังเป็นผู้คิดคำศัพท์ Wormhole (รูหนอน) และ Black hole (หลุมดำ) อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาซึ่งต่อมากลายเป็นนักฟิสิกส์ชื่อดังอีกหลายคน อาทิ นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลอย่าง Richard Feynman

John Archibald Wheeler เสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ผ่านมา (13 เมษายน 2551) ขณะมีอายุได้ 96 ปี

ภาพจาก The new york times

Saturday, April 12, 2008

ภาพจากแลป: ดาว firefox??

ภาพถ่ายดาว V838 Monocerotis (ซ้าย) ถ่ายโดยกล้องฮับเบิ้ล
มีความคล้ายคลึงกับสัญลักษณ์ของ firefox (ขวา) อย่างบังเอิญ
ดาว V838 Monocerotis เป็นดาวที่อยู่ขอบๆ กาแลกซี่ทางช้างเผือกของเรา
ภาพจาก http://presurfer.blogspot.com/

รู้หรือไม่: พฤติกรรมลิงชิมแปนซี

1. ลิงชิมแปนซีใช้ก้อนหินแทนค้อนในการแกะเปลือกถั่วหรือผลไม้เปลือกแข็ง
2. ลิงชิมแปนซีใช้ใบไม้พับเป็นลักษณะของกระทงเพื่อตักน้ำกิน
3. ลิงชิมแปนซีใช้กิ่งไม้หรือใบหญ้าเพื่อแคะปลวกออกจากจอมปลวกมากิน
4. ชิมแปนซีบางสายพันธุ์หลีกเลี่ยงการเปียกน้ำ ในขณะที่บางสายพันธุ์ชอบเล่นน้ำ
5. ลิงชิมแปนซีปาก้อนหินเพื่อใช้เป็นอาวุธ
6. ลิงชิมแปนซีรู้จักเต้นเป็นจังหวะขณะเล่นฝน
7. ลิงชิมแปนซีบางชนิดใช้กิ่งไม้ที่มีปลายคมเพื่อล่าสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร
8. ลิงชิมแปนซีมักเคี้ยวใบไม้และคายเศษออกมา้เพื่อเรียกร้องความสนใจหรือเพื่อแสดงออกถึงความวิตก

ที่มา National Geographic Magazine

Wednesday, April 2, 2008

Free Will

ขณะที่ทุกคนกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ก็มีเสียงหนึ่งตะโกนโพล่งขึ้นมา

"นี่ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมเราจะต้องมาทำงานน่าเบื่อซ้ำซากอย่างนี้ทุกวันด้วย"

"หลานเอ๊ย งานนี้มันเป็นหน้าที่ของพวกเรา เราก็ทำอย่างนี้กันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษแล้ว" อีกเสียงหนึ่งตอบ

"แล้วลุงไม่รู้สึกเบื่อบ้างเหรอครับ ที่ตั้งแต่เกิดมา เราก็ต้องมาทำงานขนส่งก๊าซ เดินทางไปส่งยังที่ที่ไกลแสนไกล ส่งเรียบร้อยก็ต้องแบกก๊าซจากที่นั่นกลับมาอีก วนเวียนไปอยู่อย่างนี้ ผมเบื่อครับ"

"การทำงานนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรายังคงเป็นพวกเรา ถ้าไม่ได้ทำงานนี้ ลุงก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร" ลุงตอบเสียงหนักแน่น

"ชีวิตของเรา เรากำหนดเองได้นะลุง อย่าให้ไอ้งานบ้าๆ นี่มันมาควบคุมเรา แล้วมันก็มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างในโลกนี้ ที่เราทำแล้วมีความสุข" หลานยังคงพูดต่อ

"งั้นเหรอ แล้วเจ้าอยากจะทำอะไรล่ะ"

"เอ่อ...คือ..." หลานอึกอัก "เอาเป็นว่าผมเกลียดไอ้งานนี้ก็แล้วกัน แล้วผมก็เชื่อด้วยว่ามีอีกหลายคนที่คิดแบบผม ผมจะเป็นคนปลดปล่อยพวกเขาเอง" พูดจบหลานก็วิ่งหายไป ลุงก็ได้แต่ส่ายหน้า
.....................................................................................................

หลังจากนั้นไม่นาน ในระหว่างที่ทำงานกันอยู่ เพื่อนของลุงคนหนึ่งก็มาบอกกับลุงว่า
"นี่รู้รึป่าว ตอนนี้หลานแกมันก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่แล้ว"

"มันไปทำอะไรเหรอ" ลุงถาม

"ก็ตอนนี้น่ะสิ หลานแกน่ะ มันเป็นผู้นำกลุ่มปลดปล่อย สนับสนุนให้เราเลิกทำงาน แล้วเลือกทางเดินชีวิตของเราเอง" เพื่อนของลุงเล่าด้วยความร้อนใจ "แล้วตอนนี้ก็มีพวกเราเห็นด้วยกับหลานแกเยอะด้วย"

"บ้าจริง นี่มันเอาจริงรึเนี่ย" ลุงร้องออกมาด้วยความตกใจ "ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน"
......................................................................................................

ลุงวิ่งหน้าตาตื่นมาหาหลานที่กำลังถูกรายล้อมด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนมาก

"นี่เจ้าทำอะไรลงไปเนี่ย"

"อ้าวลุง ผมอยากเจอลุงอยู่พอดีเลย" หลานกล่าวทักขึ้นโดยไม่ได้สนใจกับอารมณ์ของลุง "ลุงดูสิ ตอนนี้ผมมีเพื่อนที่คิดแบบเดียวกับผมมากขนาดนี้แล้ว ลุงไม่สนใจจะเลิกทำงานนั่น แล้วมาร่วมกับพวกเราเหรอ"

"ลุงเคยบอกไปแล้วใช่มั้ย ว่าถ้าไม่ได้ทำงานนั่น พวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไป" ลุงกล่าวด้วยความโกรธ

"ไม่มีเหตุผลที่จะดำรงชีวิตอยู่เหรอ ลุงพูดอะไรน่ะ" หลานยิ้ม "ดูพวกเราตอนนี้ที่สามารถบงการชีวิตตัวเองได้สิ มีความสุขกว่าเมื่อก่อนมากเลย ลุงยังอยากให้งานนั่นมาบงการชีวิตลุงอยู่อีกเหรอ"

"นี่ เจ้า..." ลุงพูดไม่ออกด้วยความโกรธสุดขีด แล้วก็หันหลังเดินจากไปทันที
......................................................................................................

ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หญิงวัยกลางคนกำลังรอผลตรวจของลูกชายที่ป่วยอย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุดหมอก็เดินเข้ามาหาเธอ
"คุณหมอคะ ลูกชายดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ" เธอละล่ำละลักถามหมอ
"ผมเสียใจด้วยครับ ลูกคุณเป็นมะเร็งเม็ดเลือดแดง"
......................................................................................................