tag:blogger.com,1999:blog-43642314276735907452024-02-07T21:41:56.940-08:00Exscinetวิทยาศาสตร์ / วิทยาศาสตร์บูรณาการ / วิทยาศาสตร์ล้ำสมัย / ภาพจากแลป / วิทยาศาสตร์กับไอเดียExscihttp://www.blogger.com/profile/11474119836605450804noreply@blogger.comBlogger85125tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-29247683923715745402010-06-18T21:08:00.000-07:002010-06-18T21:12:33.822-07:001st International Conference on Computational Systems-Biology and Bioinformatics, Bangkok Thailand1st International Conference on Computational-Systems Biology and Bioinformatics, Bangkok Thailand<br />จัดโดย<br />School of Information Technology<br />มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี<br /><br />เวปไซด์ <a href="http://www.csbio.org/">http://www.csbio.org/</a>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-21544966944365856402008-09-07T08:52:00.000-07:002008-09-07T09:08:56.714-07:00ทีมวิจัยของ CERN เตรียมยิงอนุภาคพุธนี้<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://mediaarchive.cern.ch/MediaArchive/Photo/Public/2008/0804031/0804031_09/0804031_09-A5-at-72-dpi.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px;" src="http://mediaarchive.cern.ch/MediaArchive/Photo/Public/2008/0804031/0804031_09/0804031_09-A5-at-72-dpi.jpg" alt="" border="0" /></a>หลังจากสร้างและเตรียมการทดลองสำหรับเครื่องยิงอนุภาคที่มีพลังงานสูงสุดมานาน (อ่านข่าวเก่า คลิก<a href="http://exscinet.blogspot.com/2008/02/atlas-experiment.html">ที่นี่</a> และ <a href="http://exscinet.blogspot.com/2008/03/atlas-experiment.html">ที่นี่</a>) นักวิจัยแห่ง CERN (European Organization for Nuclear Research) ประกาศเตรียมยิงอนุภาคครั้งแรกวันพุธที่ 10 กันยายนนี้ ท่ามกลางความหวาดกลัวของบางฝ่ายว่า การปะทะกันของอนุภาคที่ถูกเร่งจนมีพลังงานสูงเช่นนี้ จะทำให้เกิดหลุมดำที่กลืนโลกทั้งใบเข้าไป ถึงขั้นที่มีคนส่งจดหมายข่มขู่เอาชีวิตนักวิจัยของ CERN ให้หยุดการทดลอง อย่างไรก็ตามทาง CERN ได้มีการตีพิมพ์เอกสารให้ข้อมูลยืนยันถึงความปลอดภัยของการทดลองว่า ไม่มีอันตรายแน่นอน<br />รอดูผลกันเองแล้วกันครับ พุธนี้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น<br /><br />ที่มา<br /><a href="http://public.web.cern.ch/Public/Welcome.html">CERN</a>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-56747192947731835032008-09-07T08:43:00.000-07:002008-09-07T08:48:14.383-07:00สะกดจิตสัตว์<object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/g2V4gMKLJlY&hl=en&fs=1&color1=0x3a3a3a&color2=0x999999"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/g2V4gMKLJlY&hl=en&fs=1&color1=0x3a3a3a&color2=0x999999" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object><br /><br />ไม่ได้มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ถูกสะกดจิตได้ สัตว์อีกหลายชนิดก็ถูกสะกดจิตได้เช่นกัน พฤติกรรมการถูกสะกดจิตนี้อาจเป็นการตอบสนองของสิ่งมีชีวิต เพื่อแกล้งหลอกผู้ล่าว่าเหยื่อนั้นตายแล้ว เพื่อทำให้ผู้ล่าเลิกสนใจในตัวเหยื่อUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-1542587868374202822008-05-30T17:13:00.000-07:002008-05-30T17:22:51.541-07:00ดูดซับน้ำมันจากทะเลด้วย Nanosponges<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://www.nature.com/news/2008/080530/images/news.2008.865.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px;" src="http://www.nature.com/news/2008/080530/images/news.2008.865.jpg" alt="" border="0" /></a><br />งานวิจัยที่เพิ่งตีพิืมพ์ในวารสาร Nature แสดงความสามารถของ ฟองน้ำ ที่เกิดจากการสานกันของเส้นใยระดับนาโน (nanowire) ที่ประกอบขึ้นจาก manganese oxide แสดงความสามารถในการดูดซับน้ำมันได้มากถึง 10 เท่าของน้ำหนักฟองน้ำ และมีพื้นผิวที่ป้องกันการดูดซับของน้ำได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ฟองน้ำนาโนนี้มีแนวโน้มที่จะถูกใช้ในการกำจัดน้ำมันที่ปนเปื้อนอยู่ในทะเลได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ผลดังกล่าวจะถูกแสดงในแลปเท่านั้น แต่ทีมนักวิจัยคาดว่า จะสามารถนำมาใช้ได้จริงในอีกไม่นานนี้<br /><br />ข่าวและภาพจาก <a href="http://www.nature.com/news/2008/080530/full/news.2008.865.html?s=news_rss">Nature</a>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-8606029993909486112008-05-21T11:00:00.001-07:002008-05-21T11:10:39.328-07:00ภาพจากแลป: ทากเปลือย<div style="text-align: center;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://www.bohol.ph/pics/large/nudibranch08.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px;" src="http://www.bohol.ph/pics/large/nudibranch08.jpg" alt="" border="0" /></a>ทากเปลือย (Nudibranch) สัตว์ทะเลที่ขึ้นชื่อเรื่องสีสันอันสดสวย<br />พบได้ในเขตทางตะวันตกของอินโด-แปซิฟิก<br />ในประเทศไทยมีพบได้บ้าง โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์<br />ภาพจาก <a href="http://www.bohol.ph/picture90.html">Bohol.ph</a><br />ดูภาพทากเปลือยสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่ <a href="http://ngm.nationalgeographic.com/2008/06/nudibranchs/doubilet-photography">National Geographic</a><br /></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-61348927021023842222008-05-15T10:49:00.002-07:002008-05-15T11:05:41.228-07:00Post-it อัจฉริยะทุกคนคงจะคุ้นเคยกับ Sticky note หรือ Post-it กระดาษโน้ตทากาว ที่ถูกใช้ประจำในออฟฟิศและบ้าน เพื่อเขียนข้อความเตือนความจำ แล้วนำไปแปะตามที่ต่างๆ<br /><br />ทีมงานจาก มหาวิทยาลัย MIT ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนา้ Quickies ซึ่งเป็น Sticky note อัจฉริยะ โดยนำเทคโนโลยีต่างๆ ใส่เข้าไป เช่น นำแผ่นรองเขียนที่สามารถเชื่อมกับคอมพิวเตอร์ (ซึ่งมีใช้กันอยู่แล้ว) มาทำให้ข้อความที่เราเขียนบน Quickies ถูกส่งเข้าไปเก็บในคอมพิวเตอร์ของเรา และทีมงานได้พัฒนาซอฟแวร์ที่ใช้ระบบของ AI เพื่อใช้ในการจัดการข้อมูลจาก Quickies โดยข้อมูลจาก Quickies จะถูกแบ่งออกเป็นหวมดหมู่ต่างๆ ตามเนื้อหาที่เราเขียน เช่น หมวดงานที่ต้องทำ ซอฟแวร์จะรวบรวม งานที่ต้องทำทั้งหมดจาก Quickies แต่ละแผ่น และสามารถส่งเข้าไปยังมือถือได้ นอกจากนี้ Quickies แต่ละแผ่นจะมีตัวรับสัญญาณ RFID ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถบอกตำแหน่งของแผ่น Quickies ได้ ทำให้เราสามารถหาวัตถุที่เราแปะแผ่น Quickies ไว้ ได้อย่างง่ายดาย<br /><br />ดูวีดีโอสาธิตการใช้งาน Quickies<br /><object height="355" width="425"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/HQT5_4aVvHU&hl=en&rel=0&color1=0x3a3a3a&color2=0x999999"><param name="wmode" value="transparent"><embed src="http://www.youtube.com/v/HQT5_4aVvHU&hl=en&rel=0&color1=0x3a3a3a&color2=0x999999" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" height="355" width="425"></embed></object><br /><br />ที่มา <a href="http://www.tfot.info/news/1168/quickies-intelligent-sticky-notes.html">TFTO</a>Unknownnoreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-12871389782260365072008-05-05T08:38:00.000-07:002008-05-10T02:56:56.159-07:00นิ้วงอกกลับมาใหม่!!! พลังเวทเมนต์ของ "Pixie-Dust" หรือ "Extracelluar Matrix"<div align="justify"><span style="font-family:arial;">ลี สปีแวกก์ (Lee Spievak) ชายวัย 69 ปี ผู้ซึ่งนิ้วถูกตักขาดไปหนึ่งข้อ โดยอุบัติเหตุจาก เครื่องบินวิทยุบังคับ ในปี ค.ศ. 2005 ได้ถูกแนะนำจากน้องชายของเขา ซึ่งทำงานวิจัยด้าน regenerative medicine กับ ดอกเตอร์ สตีเฟน แบดีลิกก์ (Dr. Stephen Badylak) ที่มหาวิทยาลัย พิสเบิรกจ์ (University of Pittsburgh) ให้ใช้ผง ที่เรียกว่า "Pixie-Dust" หรือให้ถูกต้องจริงๆก็คือ "Extracelluar Matrix" ทำการรักษานิ้วของเขา<br /><br />จากวีดิโอคลิปด้านล่าง สปีแวกก์ กล่าวว่านิ้วของเขางอกกลับมาใหม่ ภายใน 4 สัปดาห์ ซึ่งมีทั้งเส้นเลือด เล็บ และมีความรู้สึกเหมือนเดิม </span></div><span style="font-family:arial;"><div align="justify"><br /><embed src="http://www.youtube.com/v/Y3S-CMH5wzI&hl=" width="425" height="355" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent"></embed><br /><br />ดอกเตอร์ สตีเฟน แบดีลิกก์ (Dr. Stephen Badylak) กล่าวว่าทีมของเขากำลังทำการทดลอง regenerating หรือการงอกใหม่ ในโครงสร้างที่มีความซับซ้อนมากกว่าเดิม<br /><br />นอกจากนี้ กองทัพอเมริกา ยังมีความสนใจที่จะใช้ยานี้ ในการรักษา ทหารซึ่งได้รับบาดเจ็บจากสงคราม เช่นทหารที่ขาขาด หรือผิวหนังถูกเผาไหม้ ซึ่งขณะนี้ ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการทดลอง (Clinical trial)<br /><br /></div><div align="justify"></div><div align="justify"></div><div align="justify">อ้างอิงจาก</div><div align="justify"><a href="http://news.bbc.co.uk/2/hi/health/7379745.stm">BBC</a></span></div>Drakonghttp://www.blogger.com/profile/10016593577596244391noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-9646971076849822352008-04-27T14:29:00.000-07:002008-04-27T14:30:31.990-07:00เรื่องสั้นวิทยาศาสตร์: รำลึกเหตุการณ์เชอร์โนบิว แผนยึดโลก 1986เขียนครั้งแรกเมื่อ 26 เมษายน 2549 ลงเวปไซด์ exsci.net<br /><p align="left">-1-<br /> การประชุมลับที่มีไม่บ่อยนักบนดาว เดรค หรือที่ชาวโลกตั้งชื่อให้ว่าดาว HD 211415</p> <p>เลขาธิการฝ่ายแผนงานการล่าดาวอาณานิคม พันเอก แกรมมอน-10-เอฟ กำลังเสนอความคืบหน้าของโครงการแก่ที่ประชุม <br />"เป็นดาวเคราะห์ที่สมบูรณ์ที่สุดในบรรดาดาวที่เราติดตามมา ทรัพยากรที่ถึงแม้จะถูกใช้ไปอย่างมากแล้ว แต่ก็ยังมากเกินพอสำหรับพวกเราเลยทีเดียว"</p> <p>"แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่" รองฝ่ายทรัพยากรพยายามเร่งรัดเข้าประเด็น<br /><br />"พรุ่งนี้ เที่ยงตรง ทุกหน่วยจะเริ่มการโจนเข้าสู่ระบบสุริยะของดาวเป้าหมาย หน่วยอัลฟ่าจะกระจายโจมตีจุดสำคัญทั้ง 6 จุดก่อน หลังจากนั้นเบต้า และแกรมม่าจะตามเก็บจุดที่เหลือ" น้ำเสียงของ พันเอก แกรมมอน เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในแผนงานที่เขาริเริ่มและวางแผนมาตั้งแต่ต้น แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ได้คุมกองทัพที่มีเทคโนโลยีทางการทหารที่ทันสมัยที่สุด<br />ที่เคยมีบนดาวดวงนี้ ก็ต้องมั่นใจเหมือนกับพันเอก แกรมมอน</p> <p>“แล้วเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของพวกมันล่ะ อย่าลืมนะว่า พวกเราทนปริมาณสารกัมมันตภาพรังสีได้น้อยกว่าพวกมันหลายเท่า” ผู้ช่วยฝ่ายสาธารณสุขถามด้วยความเป็นห่วง </p> <p>“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถึงแม้พวกมันบางส่วนจะเชื่อถึงการมีอยู่ของพวกเรา แต่ส่วนใหญ่กลับมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ หึหึ ระบบรับสถานการณ์รุกรานของพวกมันถึงได้ยังอ่อนหัดนัก เชื่อมือผมสิ” พันเอก แกรมมอน ด่วนสรุป</p> <p>-2-<br />บนดาวเคราะห์โลก ประชากรผู้ซึ่งไม่รับรู้ถึงภัยพิบัติที่กำลังมาถึง ยังคงก้มหน้าก้มตาผลาญทรัพยากรที่ตนมีอยู่อย่างบ้าคลั่ง บางทีพวกเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่า มันเป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้ดาวเคราะห์ของพวกเขารอดพ้นจากความสนใจของพวก<br />นักล่าทรัพยากรจากดาวอื่น หรือไม่ก็อาจเป็นเพียงความมักง่ายเท่านั้น </p> <p> “นี่อัลฟ่าวัน ติดต่อยานแม่ การโจนเรียบร้อยดี กำลังมุ่งหน้าสู่ดาวเป้าหมาย ทุกระบบไม่มีปัญหา พร้อมรอรับคำสั่ง" </p> <p>พันเอกแกรมมอน ผู้เดินทางมากับยานแม่ซีโร่ เพื่อมาคุมการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยจู่โจมโดยตรง รู้สึกได้ถึงวันเกียติยศของเขา แม้ผลงานที่ผ่านมาจะเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวเดรค ก็ไม่สามารถเทียบเท่าความยิ่งใหญ่ของงานนี้หากทำสำเร็จได้ ตำแหน่งพันเอกพิเศษ ที่สภาสูงไม่ได้มอบให้แก่ใครมาเป็นเวลาหลายสิบปี คงไม่ไกลเกินเอื้อม </p> <p>หน่วยอัลฟ่าอยู่ในระยะจู่โจม พันเอก แกรมมอนจับไมโครโฟนแล้วประกาศปลุกใจบรรดาหน่วยจู่โจมระลอกแรก “อย่าลืมว่านี่เป็นการรบครั้งประวัติศาสตร์ เราไม่เคยจู่โจมดาวที่มีวิวัฒนาการและอารยะธรรมสูงขนาดนี้มาก่อน ความสำเร็จของพวกท่านจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาวเดรค แด่ประชาชนชาวเดรคอันเป็นที่รัก ทุกคนจะภูมิใจในตัวท่าน..... เริ่มโจมตีได้” </p> <p>“นี่อัลฟ่าวัน กำลังเข้าสู่เป้าหมายภายใน 15 วินาที 14...13...12..11...10...9...8...7...6...5”</p> <p>“เดี๋ยวก่อน” เสียงแทรกมาจากศูนย์บัญชาการยานซีโร่ “เราตรวจจับพบสารกัมตภาพรังสีที่ระดับ A ที่พิกัด C1-1”<br /> “ระบบป้องกันตัวเองหรือ เป็นไปไม่ได้ พวกมันรู้ตัวก่อนหรือ”<br /> “อัตราการแพร่กระจายเร็วมาก อยู่ในระดับอันตราย ทุกหน่วยถอนตัวก่อน”</p> <p>“ยกเลิกการบุกโจมตี นี่อัลฟ่าวัน ยกเลิกการบุกโจมตี ทุกลำกลับพิกัดยานแม่ก่อน”</p> <p>ท่ามกลางความสับสนของเจ้าหน้าที่ภายในยานบัญชาการซีโร่ พันเอก แกรมมอน ดูจะตรึงเครียดที่สุด<br /> “เกิดอะไรขึ้นวะ”</p> <p>“เราไม่พบสัญญาณของการต่อต้านใดๆ น่าจะเป็นการรั่วไหลเองมากกว่าครับ” เจ้าหน้าที่รายงาน</p> <p>“ทำไมมันต้องมาเกิดเหมาะเจาะอะไรตอนนี้ ผมไม่สนหรอกนะ ผมจะยึดดาวดวงนี้ให้ได้”</p> <p>“แต่ท่านครับ เราคงไม่อยากได้ดาวที่ปนเปื้อนไปด้วยกัมตภาพรังสีนะครับ ผมว่าเราควรตรวจสอบการแพร่กระจายก่อนดีกว่าครับ”</p> <p>“ท่านครับ มีคำสั่งจากสภาสูงให้ชะลอการจู่โจม และให้ติดตามสถานการณ์ไปก่อนครับ”</p> <p>นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นซึ่งตรงกับวันที่ 26 เมษายน ปี ค.ศ. 1986 ตามปฏิทินดาวโลก และผลจากการเมืองภายในและการต่อต้านการล่าดาวอาณานิคมที่มีมากขึ้น<br />ในหมู่ประชาชนชาวเดรค ดาวเคราะห์ดวงที่สามของระบบสุริยะแห่งกาแลคซี่ทางช้างเผือก<br />ก็ยังคงถูกครอบครองด้วยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มาจนถึงตราบปัจจุบัน</p> <strong>ขอไว้อาลัยแด่ ผู้เคราะห์ร้ายและผู้เสียสละจากเหตุการณ์โรงงานปรมาณูระเบิด ณ เชอร์โนบิว</strong>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-45127337600161515142008-04-27T14:20:00.000-07:002008-04-27T14:25:30.722-07:00ภาพจากแลป: ชุดกันน้ำสำหรับเพนกวิน<div style="text-align: center;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://news.nationalgeographic.com/news/2008/04/images/080425-AP-penguins_461.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px;" src="http://news.nationalgeographic.com/news/2008/04/images/080425-AP-penguins_461.jpg" alt="" border="0" /></a>เพนกวินแก่วัย 25 ปีตัวนี้ มีอาการขนร่วง จนไม่สามารถที่จะลงว่ายน้ำได้<br />เนื่องจากขนของเพนกวินเป็นเสมือนแผ่นกันน้ำให้กับเพนกวิน<br />นักวิทยาศาสตร์จึงพยายามออกแบบชุดกันน้ำให้กับเพนกวินตัวนี้<br />เพื่อให้มันกลับมาว่ายน้ำได้อีกครัง<br />ที่มา <a href="http://news.nationalgeographic.com/news/2008/04/080425-AP-penguins.html">National Geographic</a><br /></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-85450749970819780432008-04-25T11:55:00.000-07:002008-04-25T12:09:19.147-07:00Semapedia เชื่อมวิกิพีเดียกับวัตถุรอบตัวเรา<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://farm1.static.flickr.com/1/183136560_ea9fcfeed8.jpg?v=1152169201"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px;" src="http://farm1.static.flickr.com/1/183136560_ea9fcfeed8.jpg?v=1152169201" alt="" border="0" /></a>โครงการ Semapedia เป็นโครงการไอเดียสุดเก๋ ที่ต้องการจะเชื่อมโยงบทความจากสารานุกรมออนไลน์อย่าง วิกิพีเดีย เข้ากับสถานที่ หรือวัตถุจริงที่อยู่รอบตัวเรา<br /><br />ไอเดียของโครงการดังกล่าวคือการนำ บาร์โค้ดสองมิติที่เรียกว่า QR Code (ดูรูปด้านบน) ไปแปะตามสถานที่หรือวัตถุต่างๆ QR Code นั้นสามารถเก็บข้อมูลที่ถูกอ่านด้วยโปรแกรมที่หาดาวโหลดได้ฟรี<br />หากเรามีมือถือที่<br />1. มีกล้อง<br />2. มีโปรแกรมอ่านบาร์โค้ดดังกล่าว<br />3. และมือถือสามารถเชื่อมต่อเข้าอินเตอร์เนตได้<br />เราก็เพียงเอามือถือของเราไปถ่ายรูปบาร์โค้ดที่ติดอยู่ตามสถานที่หรือวัตถุต่างๆ แล้วบราวเซอร์ในมือถือของเราก็จะเปิดหน้า วิกิพีเดีย ที่เป็นข้อมูลของวัตถุหรือสถานที่นั้นๆ ใ้ห้เราอ่านทันที<br /><br /><br />รูปจาก <a href="http://www.random-good-stuff.com/2008/04/19/qr-code-stamp/">random-good-stuff</a><br />ที่มา <a href="http://www.semapedia.org/">Semipedia</a>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-73152861437242229932008-04-14T07:53:00.000-07:002008-04-14T08:36:12.689-07:00อาลัยอีกหนึ่งสุดยอดนักฟิสิกส์ John Archibald Wheeler<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://graphics8.nytimes.com/images/2008/04/14/us/14wheeler.600.1.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px;" src="http://graphics8.nytimes.com/images/2008/04/14/us/14wheeler.600.1.jpg" alt="" border="0" /></a>John Archibald Wheeler อดีตนักฟิสิกส์ทฤษฎีแห่งมหาวิทยาลัย Princeton ผู้ซึ่งเคยร่วมงานกับ ไอสไตน์ เพื่อพัฒนา unified field theory และเคยร่วมงานกับ นีล บอร์ เพื่อพัฒนาฟิสิกส์สาขา nuclear fission เป็นตัวหลักสำคัญในโครงการ Manhattan (atomic bomb) และ โครงการ Matterhorn (Hydrogen bomb) ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นผู้พัฒนา S-matrix ซึ่งถูกใช้ในการศึกษาฟิสิกส์อนุภาค นอกจากนี้ยังเป็นผู้คิดคำศัพท์ Wormhole (รูหนอน) และ Black hole (หลุมดำ) อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาซึ่งต่อมากลายเป็นนักฟิสิกส์ชื่อดังอีกหลายคน อาทิ นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลอย่าง Richard Feynman<br /><br />John Archibald Wheeler เสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ผ่านมา (13 เมษายน 2551) ขณะมีอายุได้ 96 ปี<br /><br />ภาพจาก The new york timesUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-23892128042693460022008-04-12T20:13:00.001-07:002008-04-12T20:17:48.662-07:00ภาพจากแลป: ดาว firefox??<div style="text-align: center;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhkZyZBcsrCo3JEeNVCgwDtyM6PT75I-ekijkR5VvmxeklZjdem_v7WmX863kSHOlnEtzXx08CiUqkXK9wLsTUylkKzdLQCCia2SbdkHvtKl2glp13Eqgo3y-5F1CbGZ2QNN0Ttyy-yTJwBwJka/s400/foxlogo.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhkZyZBcsrCo3JEeNVCgwDtyM6PT75I-ekijkR5VvmxeklZjdem_v7WmX863kSHOlnEtzXx08CiUqkXK9wLsTUylkKzdLQCCia2SbdkHvtKl2glp13Eqgo3y-5F1CbGZ2QNN0Ttyy-yTJwBwJka/s400/foxlogo.jpg" alt="" border="0" /></a>ภาพถ่ายดาว V838 Monocerotis (ซ้าย) ถ่ายโดยกล้องฮับเบิ้ล<br />มีความคล้ายคลึงกับสัญลักษณ์ของ firefox (ขวา) อย่างบังเอิญ<br />ดาว V838 Monocerotis เป็นดาวที่อยู่ขอบๆ กาแลกซี่ทางช้างเผือกของเรา<br />ภาพจาก <a href="http://presurfer.blogspot.com/">http://presurfer.blogspot.com/</a><br /></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-61380264108823540772008-04-12T19:51:00.000-07:002008-04-12T20:03:05.229-07:00รู้หรือไม่: พฤติกรรมลิงชิมแปนซี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://www.animallaw.info/articles/art_img/Chimp_by_Anna_Parkinson3.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 200px;" src="http://www.animallaw.info/articles/art_img/Chimp_by_Anna_Parkinson3.jpg" alt="" border="0" /></a>1. ลิงชิมแปนซีใช้ก้อนหินแทนค้อนในการแกะเปลือกถั่วหรือผลไม้เปลือกแข็ง<br />2. ลิงชิมแปนซีใช้ใบไม้พับเป็นลักษณะของกระทงเพื่อตักน้ำกิน<br />3. ลิงชิมแปนซีใช้กิ่งไม้หรือใบหญ้าเพื่อแคะปลวกออกจากจอมปลวกมากิน<br />4. ชิมแปนซีบางสายพันธุ์หลีกเลี่ยงการเปียกน้ำ ในขณะที่บางสายพันธุ์ชอบเล่นน้ำ<br />5. ลิงชิมแปนซีปาก้อนหินเพื่อใช้เป็นอาวุธ<br />6. ลิงชิมแปนซีรู้จักเต้นเป็นจังหวะขณะเล่นฝน<br />7. ลิงชิมแปนซีบางชนิดใช้กิ่งไม้ที่มีปลายคมเพื่อล่าสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร<br />8. ลิงชิมแปนซีมักเคี้ยวใบไม้และคายเศษออกมา้เพื่อเรียกร้องความสนใจหรือเพื่อแสดงออกถึงความวิตก<br /><br />ที่มา National Geographic MagazineUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-22292730198735755342008-04-02T22:56:00.000-07:002008-04-02T23:25:12.829-07:00Free Willขณะที่ทุกคนกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ก็มีเสียงหนึ่งตะโกนโพล่งขึ้นมา<br /><br />"นี่ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมเราจะต้องมาทำงานน่าเบื่อซ้ำซากอย่างนี้ทุกวันด้วย"<br /><br />"หลานเอ๊ย งานนี้มันเป็นหน้าที่ของพวกเรา เราก็ทำอย่างนี้กันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษแล้ว" อีกเสียงหนึ่งตอบ<br /><br />"แล้วลุงไม่รู้สึกเบื่อบ้างเหรอครับ ที่ตั้งแต่เกิดมา เราก็ต้องมาทำงานขนส่งก๊าซ เดินทางไปส่งยังที่ที่ไกลแสนไกล ส่งเรียบร้อยก็ต้องแบกก๊าซจากที่นั่นกลับมาอีก วนเวียนไปอยู่อย่างนี้ ผมเบื่อครับ"<br /><br />"การทำงานนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรายังคงเป็นพวกเรา ถ้าไม่ได้ทำงานนี้ ลุงก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร" ลุงตอบเสียงหนักแน่น<br /><br />"ชีวิตของเรา เรากำหนดเองได้นะลุง อย่าให้ไอ้งานบ้าๆ นี่มันมาควบคุมเรา แล้วมันก็มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างในโลกนี้ ที่เราทำแล้วมีความสุข" หลานยังคงพูดต่อ<br /><br />"งั้นเหรอ แล้วเจ้าอยากจะทำอะไรล่ะ"<br /><div align="left"><br />"เอ่อ...คือ..." หลานอึกอัก "เอาเป็นว่าผมเกลียดไอ้งานนี้ก็แล้วกัน แล้วผมก็เชื่อด้วยว่ามีอีกหลายคนที่คิดแบบผม ผมจะเป็นคนปลดปล่อยพวกเขาเอง" พูดจบหลานก็วิ่งหายไป ลุงก็ได้แต่ส่ายหน้า<br />.....................................................................................................<br /><br />หลังจากนั้นไม่นาน ในระหว่างที่ทำงานกันอยู่ เพื่อนของลุงคนหนึ่งก็มาบอกกับลุงว่า<br /></div><div align="left">"นี่รู้รึป่าว ตอนนี้หลานแกมันก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่แล้ว" </div><div align="left"><br />"มันไปทำอะไรเหรอ" ลุงถาม</div><div align="left"><br />"ก็ตอนนี้น่ะสิ หลานแกน่ะ มันเป็นผู้นำกลุ่มปลดปล่อย สนับสนุนให้เราเลิกทำงาน แล้วเลือกทางเดินชีวิตของเราเอง" เพื่อนของลุงเล่าด้วยความร้อนใจ "แล้วตอนนี้ก็มีพวกเราเห็นด้วยกับหลานแกเยอะด้วย"</div><div align="left"><br />"บ้าจริง นี่มันเอาจริงรึเนี่ย" ลุงร้องออกมาด้วยความตกใจ "ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน"<br />......................................................................................................<br /><br />ลุงวิ่งหน้าตาตื่นมาหาหลานที่กำลังถูกรายล้อมด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนมาก<br /><br />"นี่เจ้าทำอะไรลงไปเนี่ย"</div><div align="left"><br />"อ้าวลุง ผมอยากเจอลุงอยู่พอดีเลย" หลานกล่าวทักขึ้นโดยไม่ได้สนใจกับอารมณ์ของลุง "ลุงดูสิ ตอนนี้ผมมีเพื่อนที่คิดแบบเดียวกับผมมากขนาดนี้แล้ว ลุงไม่สนใจจะเลิกทำงานนั่น แล้วมาร่วมกับพวกเราเหรอ"</div><div align="left"><br />"ลุงเคยบอกไปแล้วใช่มั้ย ว่าถ้าไม่ได้ทำงานนั่น พวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไป" ลุงกล่าวด้วยความโกรธ</div><div align="left"><br />"ไม่มีเหตุผลที่จะดำรงชีวิตอยู่เหรอ ลุงพูดอะไรน่ะ" หลานยิ้ม "ดูพวกเราตอนนี้ที่สามารถบงการชีวิตตัวเองได้สิ มีความสุขกว่าเมื่อก่อนมากเลย ลุงยังอยากให้งานนั่นมาบงการชีวิตลุงอยู่อีกเหรอ"</div><div align="left"><br />"นี่ เจ้า..." ลุงพูดไม่ออกด้วยความโกรธสุดขีด แล้วก็หันหลังเดินจากไปทันที<br />......................................................................................................<br /><br />ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หญิงวัยกลางคนกำลังรอผลตรวจของลูกชายที่ป่วยอย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุดหมอก็เดินเข้ามาหาเธอ<br /></div><div align="left">"คุณหมอคะ ลูกชายดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ" เธอละล่ำละลักถามหมอ</div><div align="left"></div><div align="left">"ผมเสียใจด้วยครับ ลูกคุณเป็นมะเร็งเม็ดเลือดแดง"<br />......................................................................................................</div>Encephalonhttp://www.blogger.com/profile/04408541031161276246noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-61917461305027641112008-03-25T17:09:00.001-07:002008-03-25T17:32:26.459-07:00บุคคลในปัจจุบัน: Julian Barbour กับฟิสิกส์ที่ไม่มีเวลาในขณะที่นิวตันเปรียบเวลาเหมือนดั่งกระแสน้ำที่ไหลด้วยความเร็วคงที่เท่ากันหมดทั่วทุกแห่ง และไอสไตน์กล่าวว่าเราไม่สามารถแยกเวลาออกจากอวกาศ (space-time) Julian Barbour นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษกลับกล่าวว่า "เวลาไม่มีจริง"<br /><br />เมื่อสมัยที่ Barbour ยังเป็นนักศึกษาอยู่ในประเทศเยอรมัน เขาได้ซื้อนิตยสารที่มีบทความเกี่ยวกับเวลาและอวกาศ เขียนโดยสุดยอกนักฟิสิกส์ Paul Dirac ในขณะที่ Barbour กำลังมุ่งหน้าไปพักผ่อนบนยอดเขาแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเขาอ่านบทความดังกล่าวจบ คำถามเกี่ยวกับการมีอยู่ของเวลาได้เกิดขึ้นในหัวของเขา และเขาได้ตัดสินใจวนรถกลับ ยกเลิกการพักผ่อน และเริ่มพัฒนาทฤษฎีของเขาขึ้นทันที<br /><br />แนวคิดของ Barbour นั้นกล่าวว่า เวลาไม่มีอยู่จริง สิ่งที่เรียกว่าอดีตเป็นเพียงความทรงจำของเราที่อยู่ในรูปของโครงสร้างเซลล์ประสาท อดีตของโลกเราก็เป็นเพียงโครงสร้างที่อยู่ในก้อนหินหรือฟอสซิล ในขณะที่อนาคตเป็นเพียงความเชื่อที่เรามีอยู่เท่านั้น แนวคิดของ Barbour ดูเหมือนจะเป็นความคิดในแง่ของปรัชญาที่เถียงกันได้ไม่รู้จบ แต่สิ่งที่ทำให้งานของเขาแตกต่างไปจากปรัชญาทั่วๆไปก็คือ เขาพิสูจน์สิ่งที่เขาเชื่อด้วยภาษาของคณิตศาตร์และฟิสิกส์ (mathematical physics)<br /><br />ปัจจุบัน Barbour อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ และยังคงมุ่งหน้าพัฒนาแนวคิดของเขาต่อไป<br /><br />ที่มา เวปไซด์ของ <a href="http://www.platonia.com/index.html">Julian Barbour</a>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-71997381188144229502008-03-21T23:03:00.001-07:002008-03-21T23:13:59.558-07:00ครึ่งชีวิต (half-life) ของกิริยาสามช่องกิริยาในภาษาอังกฤษถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ พวกที่ผันได้เวลาใช้ในรูปของช่องที่สองและสาม เช่น eat ate eaten ในขณะีที่อีกพวกใช้เติม -ed เอา เช่น help helped helped<br /><br />นักคณิตศาสตร์ได้ศึกษาและพบว่า กิริยาที่ผันได้นั้น เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ผู้คนมักจะเปลี่ยนมาเติม -ed แทน โดยเฉพาะกิริยาที่ไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยนักคณิตศาสตร์ได้คำนวนครึ่งชีวิตของแต่ละกิริยาที่ผันได้ ซึ่งจะแสดงถึงจำนวนปีของครึ่งเวลาที่กิริยาดังกล่าวจะกลายไปเป็นกิริยาที่เติม -ed แทน<br /><br />ยกตัวอย่างเช่น กิริยา have (รูปสองคือ had) จะใช้เวลาประมาณ 38,800 ปี ที่ผู้คนจะเปลี่ยนมาใช้ "haved" ในรูปช่องที่สอง ในขณะที่กิริยา hold (ช่องสองคือ held) ซึ่งถูกใช้ในชีวิตประจำวันน้อยกว่า have ประมาณ 10 เท่า จะใช้เวลาประมาณ 5,400 ปี ที่คนจะเปลี่ยนมาพูดว่า holded สำหรับช่องที่สอง<br /><br />ที่มา นิตยสาร DiscoverUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-21496161499959602412008-03-19T16:43:00.000-07:002008-04-14T08:39:53.082-07:00ไว้อาลัยแด่ เซอร์ อาเธอร์ ซี คลาร์ก นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/d/d1/Clarke_sm.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 200px;" src="http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/d/d1/Clarke_sm.jpg" alt="" border="0" /></a>เซอร์ อาเธอร์ ซี คลาร์ก (Sir Arthur Charles Clarke)<b> </b>นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2551 หลังจากเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมานาน ผลงานของเขาที่เรารู้จักกันดีคือเรื่อง "2001: A Space Odyssey" อาเธอร์ ซี คลาร์ก ยังเป็นผู้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับระบบดาวเทียมที่เรียกว่า geostationary communications satellite ซึ่งปัจจุบันใช้ในการถ่ายทอดสัญญาณต่างๆ<br /><br />ภาพจาก WikipediaUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-30652410599431393212008-03-16T15:44:00.000-07:002008-03-16T18:26:03.247-07:00Claytronicลองจินตนาการถึงดินน้ำมัน ของเล่นของเด็กๆ ที่สามารถปั้นเป็นรูปร่างอะไรก็ได้ตามแต่ใจนึก แต่คราวนี้ มันสามารถก่อรูปร่างได้เอง โดยคำสั่งที่ส่งมาจากคอมพิวเตอร์ และยังสามารถเปลี่ยนสีตามแต่ใจปราราถนา<br /><br />นักออกแบบผลิตภัณฑ์ สถาปนิก และวิศวะกร สามารถสร้างต้นแบบ (Prototype) ของชิ้นงาน โดยไม่ต้องมานั่ง เหลาไม้ ตัดกระดาษ หรือกึงเหล็กให้เสียเวลา เพียงแค่กดคำสั่งจากคอมพิวเตอร์ เท่านั้น หรือจะใช้มือเราไปช่วยปรับรายละเอียดทีหลังก็ยังได้<br /><br />นึกถึงการประชุมข้ามประเทศ โดยที่ไม่ใช่แค่ ได้ยินเสียง และเห็นหน้า แต่สามารถเห็นคนเป็นรูปร่าง สามมิติที่สัมผัสได้<br /><br />คุณสมบัติเหล่านี้ เป็นความสามารถของ ดิน ที่ถูกเรียกว่า Claytronics (อ่านว่า เครย-โทร-นิกส์) ซึ่งถ้าจะให้แปลเป็นภาษาไทยอย่างตรงๆ ก็คงแปลว่า “ดินน้ำมันไฟฟ้า” หรือ “ดินอิเล็กทรอนิกค์”<br /><br />ปัจจุบัน Claytronics ยังเป็นแค่ความคิดเท่านั้นครับ แต่มหาวิทยาลัย คาร์นิกี เมลลอน (Carnegie Mellon University) ได้ร่วมมือกับ Intel เพื่อทำวิจัยและพัฒนา Claytronics ซึ่งถูกเรียกว่า “Claytronics Project”<br /><br />Claytronics Project มีเป้าหมายเพื่อที่จะทำให้ข้อมูลดิจิตอล ปรากฏรูปร่างมาในโลกแห่งสามมิติ (3-D) ซึ่งต้องพัฒนาเทคโนโลยีสาขาต่างๆเข้าด้วยกันตั้งแต่ modular robotics, systems nanotechnology และ computer science<br /><br />ก็คงต้องติดตามกันต่อไปครับว่าโครงการนี้จะสามารถทำฝันให้เป็นจริงได้เมื่อไหร่<br /><br /><embed src="http://www.youtube.com/v/bcaqzOUv2Ao&hl=" width="425" height="355" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent"></embed><br />วีดิโอแสดงตัวอย่างการทำงานของ Claytronics ในอนาคต ซึ่งถูกสร้างสรรค์โดย นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย คาร์นิกี เมลลอน<br /><br />อ้างอิงจาก<br /><a href="http://www.cs.cmu.edu/~claytronics/index.html">http://www.cs.cmu.edu/~claytronics/index.html</a>Drakonghttp://www.blogger.com/profile/10016593577596244391noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-77488083525450434432008-03-16T11:49:00.000-07:002008-03-16T11:57:06.347-07:00Biodegradable mobile phone<span style="font-family:arial;">Biodegradable mobile phone หรือ โทรศัพท์มือถือที่สามารถถูกย่อยสลายได้ในกระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติ<br /><br />ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัสดุ(Materials expert) จากมหาวิทยาลัย วอร์ริก (Warwick University) ได้ ประดิษฐ์ กรอบของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสามารถถูกย่อยสลายได้ในหนึ่งสัปดาห์ และกลายเป็นดอกไม้ภายหลัง<br /><br />นักวิจัยได้ออกแบบให้ เมล็ดพันธุ์พืชถูกบรรจุไว้ในช่องโปร่งแสงบนกรอบมือถือ โดยที่ให้นักพฤกษศาสตร์ทางด้านพืชสวน (Horticulturist) ได้ทดสอบหาพันธุ์พืชที่เหมาะสมที่สุด [ในการเจริญหลังจากมือถือย่อยสลายแล้ว – by Drakong]<br /></span><br /><span style="font-family:arial;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5178414242977568338" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikMmwgq2WamZU-UicgiRUqEOGt7vE3hFErM9pVJSGFcc_kc-plV5mXOl6NLZj9wTFzzI1OMR0YTMGgCnxixQtyBqVVVWmGqWGBh2uHEVsEUOUQceHx1_6PTdBTMlcqfn70lzcM67SKVDK2/s320/sunmobile.jpg" border="0" /><br />ต้นแบบ (Prototype) ของโทรศัพท์มือถือนี้ พบว่า ดอกทานตะวันแคระ (Dwarf sunflower) เป็นพันธุ์พืชที่เหมาะสม<br /><br />ผลิตภัณฑ์นี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัทเทคโนโลยีทางด้านวัสดุ - PVAXX Research & Development Ltd of Cheltenham – กับ บริษัทเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสาร - Motorola</span><br /><br /><div><span style="font-family:arial;">ที่มา </span><a href="http://news.bbc.co.uk/2/hi/uk_news/england/coventry_warwickshire/4056687.stm"><span style="font-family:arial;">BBC</span></a></div>Drakonghttp://www.blogger.com/profile/10016593577596244391noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-18107332390264287832008-03-07T08:20:00.000-08:002008-03-07T08:31:19.769-08:00ภาพจากแลป: โลกและดวงจันทร์ ถ่ายจากดาวอังคาร<div style="text-align: center;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://www.nasa.gov/images/content/214811main_EarthMoon-516.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 400px;" src="http://www.nasa.gov/images/content/214811main_EarthMoon-516.jpg" alt="" border="0" /></a>โลกและดวงจันทร์ ภาพถ่ายจาก HiRISE camera บนดาวเทียวที่โคจรรอบดาวอังคาร<br /></div><div style="text-align: center;">ภาพจาก <a href="http://www.nasa.gov/mission_pages/MRO/multimedia/mro20080303earth.html">NASA</a><br /></div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-67805544537372845932008-03-05T23:16:00.000-08:002008-03-05T23:26:48.683-08:00ทดลองสาเหตุของรถติด "Backward travelling wave"<object width="425" height="355"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Suugn-p5C1M"></param><param name="wmode" value="transparent"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/Suugn-p5C1M" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" width="425" height="355"></embed></object><br /><br />จากข่าวเก่าที่นักคณิตศาสตร์ได้นำเสนอแบบจำลองที่อธิบายสาเหตุของรถติด (อ่านข่าวเก่า <a href="http://exscinet.blogspot.com/2007/12/blog-post_19.html">คลิก</a>) ที่เรียกว่า Backward travelling wave โดยหลักการคือ ทุกครั้งที่คุณหรือใครก็ตามเหยียบเบรก หรือชะลอความเร็ว จะส่งผลให้รถคันหลังคุณเบรกหรือชะลอความเร็วไปด้วย และผลดังกล่าวก็จะส่งต่อเป็นทอดๆไปจนถึงรถคันที่อยู่หลังคุณหลายกิโลเมตร<br /><br />นักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่นได้ทดสอบแนวคิดดังกล่าวและแสดงให้เห็นว่าเกิดขึ้นจริง โดยในการทดลองนี้ใช้รถ 22 คัน ให้คนขับวิ่งเป็นวงกลม โดยให้คนขับแต่ละคนพยายามบังคับรถที่ความเร็วคงที่ ที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การทดลองแสดงให้เห็นว่า เมื่อคนขับคนใดคนหนึ่งเริ่มขับด้วยความเร็วที่คลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยจาก 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะส่งผลกระทบต่อรถคันหลังๆ และก่อให้เกิดรถติดขึ้นมาในที่สุดUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-78501651764453488502008-03-04T09:44:00.000-08:002008-03-04T10:03:08.960-08:00ปัญหาทางคณิตศาสตร์อายุ 140 ปี ถูกแก้แล้วSchwarz-Christoffel formula เป็นสูตรทางคณิตศาสตร์ในสาขา complex analysis ที่ใช้ในการแปลงรูปทรงเรขาคณิตให้อยู่ในรูปของวงกลมเืพื่อความง่ายในการศึกษา ทฤษฎีนี้ถูกประยุกต์ใช้งานในหลายสาขา ยกตัวอย่างเช่น การสร้างภาพจำลองของสมองที่มีความซับซ้อน อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีดังกล่าวยังมีข้อจำกัด เนื่องจากไม่สามารถใช้กับรูปทรงที่มีรู หรือรูปทรงที่ซับซ้อนมากได้<br /><br />ล่าสุดนักคณิตศาสตร์จาก Imperial College London ได้แก้ปัญหาที่ไม่มีใครแก้ได้มา 140 ปีนี้จนสำเร็จแล้ว โดยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีที่เรียกว่า Schottky Groups เพิ่มเข้าไปยังสูตรดั้งเดิมของ Schwarz-Christoffle formula จนได้สูตรใหม่ที่สามารถประยุกต์ใช้กับรูปทรงใดๆ ก็ได้<br /><br />โปรเฟสเซอร์ Darren Crowdy เจ้าของผลงาน กล่าวว่าเขาได้ฟังปัญหานี้ขณะฟังการบรรยายอยู่ในปารีส แล้วก็เกิดอาการปิ๊งแว่บถึงวิธีการแก้ปัญหาขึ้นมาทันที เขาจึงลุกออกจากห้อง และเริ่มลงมือแก้ปัญหาดังกล่าว จนประสบความสำเร็จในที่สุด<br /><br />ที่มา<br /><a href="http://www.timesonline.co.uk/tol/news/uk/science/article3478927.ece">Timesonline</a><br /><a href="http://www.eurekalert.org/pub_releases/2008-03/icl-1yo030308.php">EurekAlerts</a>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-11070399962936639042008-03-01T11:04:00.000-08:002008-03-01T11:13:04.484-08:00ชิ้นส่วนสุดท้ายของ Atlas Experiment ถูกประกอบแล้ว<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://mediaarchive.cern.ch/MediaArchive/Photo/Public/2008/0802018/0802018_03/0802018_03-A4-at-144-dpi.jpg"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 320px;" src="http://mediaarchive.cern.ch/MediaArchive/Photo/Public/2008/0802018/0802018_03/0802018_03-A4-at-144-dpi.jpg" alt="" border="0" /></a><br />จากข่าวเก่าที่นำเสนอการทดลองระดับโลกที่จะไขความลับของจักรวาล Atlas Experiment (อ่านข่าวเก่า <a href="http://exscinet.blogspot.com/2008/02/atlas-experiment.html">คลิก</a>) โครงการดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 กุมภาพันธ์ เวลาของสวิตเซอร์แลนด์) ทีมนักวิจัยได้ประกอบชิ้นส่วนสุดท้ายในส่วนของเครื่องตรวจจับอนุภาค ซึ่งทำให้เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเครื่องนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยนักวิจัยจะเริ่มทดสอบระบบในเร็วๆนี้ ก่อนที่จะเริ่มทำการทดลองจริงประมาณกลางปีนี้ ซึ่งทางเราจะนำความคืบหน้ามานำเสนอต่อไป<br /><br />ที่มา/ภาพ <a href="http://atlasexperiment.org/news/2008/jigsaw-puzzle.html">Atlas Experiment</a>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-7874999967799693442008-03-01T10:51:00.000-08:002008-03-01T11:04:15.398-08:00TRIM22 ยีนต่อสู้ไวรัส HIV<span name="intelliTxt" id="intelliTXT"> Stephen Barr นักวิจัยจาก </span>University of Alberta ค้นพบยีนที่ถูกเรียกว่า TRIM22 ซึ่งเป็นยีนปกติที่พบในมนุษย์ มีความสามารถในการป้องกันการพัฒนาของไวรัสเอดส์ในเซลล์เพาะเลี้ยง<br />ซึ่งหมายถึงว่า ไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนและแพร่กระจายไปยังเซลล์อื่นๆ ได้ การค้นพบครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า เซลล์มนุษย์มียีนธรรมชาติที่สามารถป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสได้ การค้นพบนี้เมื่อรวมเข้ากับการใช้วัคซีนอาจจะสามารถใช้รักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ได้<br /><br />ที่มา <a href="http://www.physorg.com/news123505489.html">Physorg.com</a>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4364231427673590745.post-36132305130450566142008-03-01T10:40:00.000-08:002008-03-01T10:50:03.397-08:00สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม รับนักศึกษาประจำปี 2551<a href="http://fibo.kmutt.ac.th/">สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้)</a> มหาวิทยาัลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี<br /><br />เปิดรับสมัครนักศึกษาใน<br />1. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิทยาการหุ่นยนต์เเละระบบอัตโนมัติ(FRA)<br />2. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพัฒนาความสามารถทางการเเข่งขันเชิงอุตสาหกรรม(GDIC)<br /><br />ดูรายละเอียดเพิ่มเติม <a href="http://study.fibo.kmutt.ac.th//index.php?option=com_content&task=view&id=115&Itemid=1">คลิกที่นี่</a>Unknownnoreply@blogger.com0