Sunday, September 7, 2008
ทีมวิจัยของ CERN เตรียมยิงอนุภาคพุธนี้
รอดูผลกันเองแล้วกันครับ พุธนี้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ที่มา
CERN
สะกดจิตสัตว์
ไม่ได้มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ถูกสะกดจิตได้ สัตว์อีกหลายชนิดก็ถูกสะกดจิตได้เช่นกัน พฤติกรรมการถูกสะกดจิตนี้อาจเป็นการตอบสนองของสิ่งมีชีวิต เพื่อแกล้งหลอกผู้ล่าว่าเหยื่อนั้นตายแล้ว เพื่อทำให้ผู้ล่าเลิกสนใจในตัวเหยื่อ
Friday, May 30, 2008
ดูดซับน้ำมันจากทะเลด้วย Nanosponges
งานวิจัยที่เพิ่งตีพิืมพ์ในวารสาร Nature แสดงความสามารถของ ฟองน้ำ ที่เกิดจากการสานกันของเส้นใยระดับนาโน (nanowire) ที่ประกอบขึ้นจาก manganese oxide แสดงความสามารถในการดูดซับน้ำมันได้มากถึง 10 เท่าของน้ำหนักฟองน้ำ และมีพื้นผิวที่ป้องกันการดูดซับของน้ำได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ฟองน้ำนาโนนี้มีแนวโน้มที่จะถูกใช้ในการกำจัดน้ำมันที่ปนเปื้อนอยู่ในทะเลได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ผลดังกล่าวจะถูกแสดงในแลปเท่านั้น แต่ทีมนักวิจัยคาดว่า จะสามารถนำมาใช้ได้จริงในอีกไม่นานนี้
ข่าวและภาพจาก Nature
Wednesday, May 21, 2008
ภาพจากแลป: ทากเปลือย
พบได้ในเขตทางตะวันตกของอินโด-แปซิฟิก
ในประเทศไทยมีพบได้บ้าง โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์
ภาพจาก Bohol.ph
ดูภาพทากเปลือยสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่ National Geographic
Thursday, May 15, 2008
Post-it อัจฉริยะ
ทีมงานจาก มหาวิทยาลัย MIT ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนา้ Quickies ซึ่งเป็น Sticky note อัจฉริยะ โดยนำเทคโนโลยีต่างๆ ใส่เข้าไป เช่น นำแผ่นรองเขียนที่สามารถเชื่อมกับคอมพิวเตอร์ (ซึ่งมีใช้กันอยู่แล้ว) มาทำให้ข้อความที่เราเขียนบน Quickies ถูกส่งเข้าไปเก็บในคอมพิวเตอร์ของเรา และทีมงานได้พัฒนาซอฟแวร์ที่ใช้ระบบของ AI เพื่อใช้ในการจัดการข้อมูลจาก Quickies โดยข้อมูลจาก Quickies จะถูกแบ่งออกเป็นหวมดหมู่ต่างๆ ตามเนื้อหาที่เราเขียน เช่น หมวดงานที่ต้องทำ ซอฟแวร์จะรวบรวม งานที่ต้องทำทั้งหมดจาก Quickies แต่ละแผ่น และสามารถส่งเข้าไปยังมือถือได้ นอกจากนี้ Quickies แต่ละแผ่นจะมีตัวรับสัญญาณ RFID ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถบอกตำแหน่งของแผ่น Quickies ได้ ทำให้เราสามารถหาวัตถุที่เราแปะแผ่น Quickies ไว้ ได้อย่างง่ายดาย
ดูวีดีโอสาธิตการใช้งาน Quickies
ที่มา TFTO
Monday, May 5, 2008
นิ้วงอกกลับมาใหม่!!! พลังเวทเมนต์ของ "Pixie-Dust" หรือ "Extracelluar Matrix"
จากวีดิโอคลิปด้านล่าง สปีแวกก์ กล่าวว่านิ้วของเขางอกกลับมาใหม่ ภายใน 4 สัปดาห์ ซึ่งมีทั้งเส้นเลือด เล็บ และมีความรู้สึกเหมือนเดิม
ดอกเตอร์ สตีเฟน แบดีลิกก์ (Dr. Stephen Badylak) กล่าวว่าทีมของเขากำลังทำการทดลอง regenerating หรือการงอกใหม่ ในโครงสร้างที่มีความซับซ้อนมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ กองทัพอเมริกา ยังมีความสนใจที่จะใช้ยานี้ ในการรักษา ทหารซึ่งได้รับบาดเจ็บจากสงคราม เช่นทหารที่ขาขาด หรือผิวหนังถูกเผาไหม้ ซึ่งขณะนี้ ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการทดลอง (Clinical trial)
Sunday, April 27, 2008
เรื่องสั้นวิทยาศาสตร์: รำลึกเหตุการณ์เชอร์โนบิว แผนยึดโลก 1986
-1-
การประชุมลับที่มีไม่บ่อยนักบนดาว เดรค หรือที่ชาวโลกตั้งชื่อให้ว่าดาว HD 211415
เลขาธิการฝ่ายแผนงานการล่าดาวอาณานิคม พันเอก แกรมมอน-10-เอฟ กำลังเสนอความคืบหน้าของโครงการแก่ที่ประชุม
"เป็นดาวเคราะห์ที่สมบูรณ์ที่สุดในบรรดาดาวที่เราติดตามมา ทรัพยากรที่ถึงแม้จะถูกใช้ไปอย่างมากแล้ว แต่ก็ยังมากเกินพอสำหรับพวกเราเลยทีเดียว"
"แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่" รองฝ่ายทรัพยากรพยายามเร่งรัดเข้าประเด็น
"พรุ่งนี้ เที่ยงตรง ทุกหน่วยจะเริ่มการโจนเข้าสู่ระบบสุริยะของดาวเป้าหมาย หน่วยอัลฟ่าจะกระจายโจมตีจุดสำคัญทั้ง 6 จุดก่อน หลังจากนั้นเบต้า และแกรมม่าจะตามเก็บจุดที่เหลือ" น้ำเสียงของ พันเอก แกรมมอน เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในแผนงานที่เขาริเริ่มและวางแผนมาตั้งแต่ต้น แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ได้คุมกองทัพที่มีเทคโนโลยีทางการทหารที่ทันสมัยที่สุด
ที่เคยมีบนดาวดวงนี้ ก็ต้องมั่นใจเหมือนกับพันเอก แกรมมอน
“แล้วเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของพวกมันล่ะ อย่าลืมนะว่า พวกเราทนปริมาณสารกัมมันตภาพรังสีได้น้อยกว่าพวกมันหลายเท่า” ผู้ช่วยฝ่ายสาธารณสุขถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถึงแม้พวกมันบางส่วนจะเชื่อถึงการมีอยู่ของพวกเรา แต่ส่วนใหญ่กลับมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ หึหึ ระบบรับสถานการณ์รุกรานของพวกมันถึงได้ยังอ่อนหัดนัก เชื่อมือผมสิ” พันเอก แกรมมอน ด่วนสรุป
-2-
บนดาวเคราะห์โลก ประชากรผู้ซึ่งไม่รับรู้ถึงภัยพิบัติที่กำลังมาถึง ยังคงก้มหน้าก้มตาผลาญทรัพยากรที่ตนมีอยู่อย่างบ้าคลั่ง บางทีพวกเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่า มันเป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้ดาวเคราะห์ของพวกเขารอดพ้นจากความสนใจของพวก
นักล่าทรัพยากรจากดาวอื่น หรือไม่ก็อาจเป็นเพียงความมักง่ายเท่านั้น
“นี่อัลฟ่าวัน ติดต่อยานแม่ การโจนเรียบร้อยดี กำลังมุ่งหน้าสู่ดาวเป้าหมาย ทุกระบบไม่มีปัญหา พร้อมรอรับคำสั่ง"
พันเอกแกรมมอน ผู้เดินทางมากับยานแม่ซีโร่ เพื่อมาคุมการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยจู่โจมโดยตรง รู้สึกได้ถึงวันเกียติยศของเขา แม้ผลงานที่ผ่านมาจะเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวเดรค ก็ไม่สามารถเทียบเท่าความยิ่งใหญ่ของงานนี้หากทำสำเร็จได้ ตำแหน่งพันเอกพิเศษ ที่สภาสูงไม่ได้มอบให้แก่ใครมาเป็นเวลาหลายสิบปี คงไม่ไกลเกินเอื้อม
หน่วยอัลฟ่าอยู่ในระยะจู่โจม พันเอก แกรมมอนจับไมโครโฟนแล้วประกาศปลุกใจบรรดาหน่วยจู่โจมระลอกแรก “อย่าลืมว่านี่เป็นการรบครั้งประวัติศาสตร์ เราไม่เคยจู่โจมดาวที่มีวิวัฒนาการและอารยะธรรมสูงขนาดนี้มาก่อน ความสำเร็จของพวกท่านจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาวเดรค แด่ประชาชนชาวเดรคอันเป็นที่รัก ทุกคนจะภูมิใจในตัวท่าน..... เริ่มโจมตีได้”
“นี่อัลฟ่าวัน กำลังเข้าสู่เป้าหมายภายใน 15 วินาที 14...13...12..11...10...9...8...7...6...5”
“เดี๋ยวก่อน” เสียงแทรกมาจากศูนย์บัญชาการยานซีโร่ “เราตรวจจับพบสารกัมตภาพรังสีที่ระดับ A ที่พิกัด C1-1”
“ระบบป้องกันตัวเองหรือ เป็นไปไม่ได้ พวกมันรู้ตัวก่อนหรือ”
“อัตราการแพร่กระจายเร็วมาก อยู่ในระดับอันตราย ทุกหน่วยถอนตัวก่อน”
“ยกเลิกการบุกโจมตี นี่อัลฟ่าวัน ยกเลิกการบุกโจมตี ทุกลำกลับพิกัดยานแม่ก่อน”
ท่ามกลางความสับสนของเจ้าหน้าที่ภายในยานบัญชาการซีโร่ พันเอก แกรมมอน ดูจะตรึงเครียดที่สุด
“เกิดอะไรขึ้นวะ”
“เราไม่พบสัญญาณของการต่อต้านใดๆ น่าจะเป็นการรั่วไหลเองมากกว่าครับ” เจ้าหน้าที่รายงาน
“ทำไมมันต้องมาเกิดเหมาะเจาะอะไรตอนนี้ ผมไม่สนหรอกนะ ผมจะยึดดาวดวงนี้ให้ได้”
“แต่ท่านครับ เราคงไม่อยากได้ดาวที่ปนเปื้อนไปด้วยกัมตภาพรังสีนะครับ ผมว่าเราควรตรวจสอบการแพร่กระจายก่อนดีกว่าครับ”
“ท่านครับ มีคำสั่งจากสภาสูงให้ชะลอการจู่โจม และให้ติดตามสถานการณ์ไปก่อนครับ”
นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นซึ่งตรงกับวันที่ 26 เมษายน ปี ค.ศ. 1986 ตามปฏิทินดาวโลก และผลจากการเมืองภายในและการต่อต้านการล่าดาวอาณานิคมที่มีมากขึ้น
ในหมู่ประชาชนชาวเดรค ดาวเคราะห์ดวงที่สามของระบบสุริยะแห่งกาแลคซี่ทางช้างเผือก
ก็ยังคงถูกครอบครองด้วยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มาจนถึงตราบปัจจุบัน
ภาพจากแลป: ชุดกันน้ำสำหรับเพนกวิน
เนื่องจากขนของเพนกวินเป็นเสมือนแผ่นกันน้ำให้กับเพนกวิน
นักวิทยาศาสตร์จึงพยายามออกแบบชุดกันน้ำให้กับเพนกวินตัวนี้
เพื่อให้มันกลับมาว่ายน้ำได้อีกครัง
ที่มา National Geographic
Friday, April 25, 2008
Semapedia เชื่อมวิกิพีเดียกับวัตถุรอบตัวเรา
ไอเดียของโครงการดังกล่าวคือการนำ บาร์โค้ดสองมิติที่เรียกว่า QR Code (ดูรูปด้านบน) ไปแปะตามสถานที่หรือวัตถุต่างๆ QR Code นั้นสามารถเก็บข้อมูลที่ถูกอ่านด้วยโปรแกรมที่หาดาวโหลดได้ฟรี
หากเรามีมือถือที่
1. มีกล้อง
2. มีโปรแกรมอ่านบาร์โค้ดดังกล่าว
3. และมือถือสามารถเชื่อมต่อเข้าอินเตอร์เนตได้
เราก็เพียงเอามือถือของเราไปถ่ายรูปบาร์โค้ดที่ติดอยู่ตามสถานที่หรือวัตถุต่างๆ แล้วบราวเซอร์ในมือถือของเราก็จะเปิดหน้า วิกิพีเดีย ที่เป็นข้อมูลของวัตถุหรือสถานที่นั้นๆ ใ้ห้เราอ่านทันที
รูปจาก random-good-stuff
ที่มา Semipedia
Monday, April 14, 2008
อาลัยอีกหนึ่งสุดยอดนักฟิสิกส์ John Archibald Wheeler
John Archibald Wheeler เสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ผ่านมา (13 เมษายน 2551) ขณะมีอายุได้ 96 ปี
ภาพจาก The new york times
Saturday, April 12, 2008
ภาพจากแลป: ดาว firefox??
มีความคล้ายคลึงกับสัญลักษณ์ของ firefox (ขวา) อย่างบังเอิญ
ดาว V838 Monocerotis เป็นดาวที่อยู่ขอบๆ กาแลกซี่ทางช้างเผือกของเรา
ภาพจาก http://presurfer.blogspot.com/
รู้หรือไม่: พฤติกรรมลิงชิมแปนซี
2. ลิงชิมแปนซีใช้ใบไม้พับเป็นลักษณะของกระทงเพื่อตักน้ำกิน
3. ลิงชิมแปนซีใช้กิ่งไม้หรือใบหญ้าเพื่อแคะปลวกออกจากจอมปลวกมากิน
4. ชิมแปนซีบางสายพันธุ์หลีกเลี่ยงการเปียกน้ำ ในขณะที่บางสายพันธุ์ชอบเล่นน้ำ
5. ลิงชิมแปนซีปาก้อนหินเพื่อใช้เป็นอาวุธ
6. ลิงชิมแปนซีรู้จักเต้นเป็นจังหวะขณะเล่นฝน
7. ลิงชิมแปนซีบางชนิดใช้กิ่งไม้ที่มีปลายคมเพื่อล่าสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร
8. ลิงชิมแปนซีมักเคี้ยวใบไม้และคายเศษออกมา้เพื่อเรียกร้องความสนใจหรือเพื่อแสดงออกถึงความวิตก
ที่มา National Geographic Magazine
Wednesday, April 2, 2008
Free Will
"นี่ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมเราจะต้องมาทำงานน่าเบื่อซ้ำซากอย่างนี้ทุกวันด้วย"
"หลานเอ๊ย งานนี้มันเป็นหน้าที่ของพวกเรา เราก็ทำอย่างนี้กันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษแล้ว" อีกเสียงหนึ่งตอบ
"แล้วลุงไม่รู้สึกเบื่อบ้างเหรอครับ ที่ตั้งแต่เกิดมา เราก็ต้องมาทำงานขนส่งก๊าซ เดินทางไปส่งยังที่ที่ไกลแสนไกล ส่งเรียบร้อยก็ต้องแบกก๊าซจากที่นั่นกลับมาอีก วนเวียนไปอยู่อย่างนี้ ผมเบื่อครับ"
"การทำงานนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรายังคงเป็นพวกเรา ถ้าไม่ได้ทำงานนี้ ลุงก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร" ลุงตอบเสียงหนักแน่น
"ชีวิตของเรา เรากำหนดเองได้นะลุง อย่าให้ไอ้งานบ้าๆ นี่มันมาควบคุมเรา แล้วมันก็มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างในโลกนี้ ที่เราทำแล้วมีความสุข" หลานยังคงพูดต่อ
"งั้นเหรอ แล้วเจ้าอยากจะทำอะไรล่ะ"
"เอ่อ...คือ..." หลานอึกอัก "เอาเป็นว่าผมเกลียดไอ้งานนี้ก็แล้วกัน แล้วผมก็เชื่อด้วยว่ามีอีกหลายคนที่คิดแบบผม ผมจะเป็นคนปลดปล่อยพวกเขาเอง" พูดจบหลานก็วิ่งหายไป ลุงก็ได้แต่ส่ายหน้า
.....................................................................................................
หลังจากนั้นไม่นาน ในระหว่างที่ทำงานกันอยู่ เพื่อนของลุงคนหนึ่งก็มาบอกกับลุงว่า
"มันไปทำอะไรเหรอ" ลุงถาม
"ก็ตอนนี้น่ะสิ หลานแกน่ะ มันเป็นผู้นำกลุ่มปลดปล่อย สนับสนุนให้เราเลิกทำงาน แล้วเลือกทางเดินชีวิตของเราเอง" เพื่อนของลุงเล่าด้วยความร้อนใจ "แล้วตอนนี้ก็มีพวกเราเห็นด้วยกับหลานแกเยอะด้วย"
"บ้าจริง นี่มันเอาจริงรึเนี่ย" ลุงร้องออกมาด้วยความตกใจ "ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน"
......................................................................................................
ลุงวิ่งหน้าตาตื่นมาหาหลานที่กำลังถูกรายล้อมด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนมาก
"นี่เจ้าทำอะไรลงไปเนี่ย"
"อ้าวลุง ผมอยากเจอลุงอยู่พอดีเลย" หลานกล่าวทักขึ้นโดยไม่ได้สนใจกับอารมณ์ของลุง "ลุงดูสิ ตอนนี้ผมมีเพื่อนที่คิดแบบเดียวกับผมมากขนาดนี้แล้ว ลุงไม่สนใจจะเลิกทำงานนั่น แล้วมาร่วมกับพวกเราเหรอ"
"ลุงเคยบอกไปแล้วใช่มั้ย ว่าถ้าไม่ได้ทำงานนั่น พวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไป" ลุงกล่าวด้วยความโกรธ
"ไม่มีเหตุผลที่จะดำรงชีวิตอยู่เหรอ ลุงพูดอะไรน่ะ" หลานยิ้ม "ดูพวกเราตอนนี้ที่สามารถบงการชีวิตตัวเองได้สิ มีความสุขกว่าเมื่อก่อนมากเลย ลุงยังอยากให้งานนั่นมาบงการชีวิตลุงอยู่อีกเหรอ"
"นี่ เจ้า..." ลุงพูดไม่ออกด้วยความโกรธสุดขีด แล้วก็หันหลังเดินจากไปทันที
......................................................................................................
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หญิงวัยกลางคนกำลังรอผลตรวจของลูกชายที่ป่วยอย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุดหมอก็เดินเข้ามาหาเธอ
......................................................................................................
Tuesday, March 25, 2008
บุคคลในปัจจุบัน: Julian Barbour กับฟิสิกส์ที่ไม่มีเวลา
เมื่อสมัยที่ Barbour ยังเป็นนักศึกษาอยู่ในประเทศเยอรมัน เขาได้ซื้อนิตยสารที่มีบทความเกี่ยวกับเวลาและอวกาศ เขียนโดยสุดยอกนักฟิสิกส์ Paul Dirac ในขณะที่ Barbour กำลังมุ่งหน้าไปพักผ่อนบนยอดเขาแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเขาอ่านบทความดังกล่าวจบ คำถามเกี่ยวกับการมีอยู่ของเวลาได้เกิดขึ้นในหัวของเขา และเขาได้ตัดสินใจวนรถกลับ ยกเลิกการพักผ่อน และเริ่มพัฒนาทฤษฎีของเขาขึ้นทันที
แนวคิดของ Barbour นั้นกล่าวว่า เวลาไม่มีอยู่จริง สิ่งที่เรียกว่าอดีตเป็นเพียงความทรงจำของเราที่อยู่ในรูปของโครงสร้างเซลล์ประสาท อดีตของโลกเราก็เป็นเพียงโครงสร้างที่อยู่ในก้อนหินหรือฟอสซิล ในขณะที่อนาคตเป็นเพียงความเชื่อที่เรามีอยู่เท่านั้น แนวคิดของ Barbour ดูเหมือนจะเป็นความคิดในแง่ของปรัชญาที่เถียงกันได้ไม่รู้จบ แต่สิ่งที่ทำให้งานของเขาแตกต่างไปจากปรัชญาทั่วๆไปก็คือ เขาพิสูจน์สิ่งที่เขาเชื่อด้วยภาษาของคณิตศาตร์และฟิสิกส์ (mathematical physics)
ปัจจุบัน Barbour อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ และยังคงมุ่งหน้าพัฒนาแนวคิดของเขาต่อไป
ที่มา เวปไซด์ของ Julian Barbour
Friday, March 21, 2008
ครึ่งชีวิต (half-life) ของกิริยาสามช่อง
นักคณิตศาสตร์ได้ศึกษาและพบว่า กิริยาที่ผันได้นั้น เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ผู้คนมักจะเปลี่ยนมาเติม -ed แทน โดยเฉพาะกิริยาที่ไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยนักคณิตศาสตร์ได้คำนวนครึ่งชีวิตของแต่ละกิริยาที่ผันได้ ซึ่งจะแสดงถึงจำนวนปีของครึ่งเวลาที่กิริยาดังกล่าวจะกลายไปเป็นกิริยาที่เติม -ed แทน
ยกตัวอย่างเช่น กิริยา have (รูปสองคือ had) จะใช้เวลาประมาณ 38,800 ปี ที่ผู้คนจะเปลี่ยนมาใช้ "haved" ในรูปช่องที่สอง ในขณะที่กิริยา hold (ช่องสองคือ held) ซึ่งถูกใช้ในชีวิตประจำวันน้อยกว่า have ประมาณ 10 เท่า จะใช้เวลาประมาณ 5,400 ปี ที่คนจะเปลี่ยนมาพูดว่า holded สำหรับช่องที่สอง
ที่มา นิตยสาร Discover
Wednesday, March 19, 2008
ไว้อาลัยแด่ เซอร์ อาเธอร์ ซี คลาร์ก นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่
ภาพจาก Wikipedia
Sunday, March 16, 2008
Claytronic
นักออกแบบผลิตภัณฑ์ สถาปนิก และวิศวะกร สามารถสร้างต้นแบบ (Prototype) ของชิ้นงาน โดยไม่ต้องมานั่ง เหลาไม้ ตัดกระดาษ หรือกึงเหล็กให้เสียเวลา เพียงแค่กดคำสั่งจากคอมพิวเตอร์ เท่านั้น หรือจะใช้มือเราไปช่วยปรับรายละเอียดทีหลังก็ยังได้
นึกถึงการประชุมข้ามประเทศ โดยที่ไม่ใช่แค่ ได้ยินเสียง และเห็นหน้า แต่สามารถเห็นคนเป็นรูปร่าง สามมิติที่สัมผัสได้
คุณสมบัติเหล่านี้ เป็นความสามารถของ ดิน ที่ถูกเรียกว่า Claytronics (อ่านว่า เครย-โทร-นิกส์) ซึ่งถ้าจะให้แปลเป็นภาษาไทยอย่างตรงๆ ก็คงแปลว่า “ดินน้ำมันไฟฟ้า” หรือ “ดินอิเล็กทรอนิกค์”
ปัจจุบัน Claytronics ยังเป็นแค่ความคิดเท่านั้นครับ แต่มหาวิทยาลัย คาร์นิกี เมลลอน (Carnegie Mellon University) ได้ร่วมมือกับ Intel เพื่อทำวิจัยและพัฒนา Claytronics ซึ่งถูกเรียกว่า “Claytronics Project”
Claytronics Project มีเป้าหมายเพื่อที่จะทำให้ข้อมูลดิจิตอล ปรากฏรูปร่างมาในโลกแห่งสามมิติ (3-D) ซึ่งต้องพัฒนาเทคโนโลยีสาขาต่างๆเข้าด้วยกันตั้งแต่ modular robotics, systems nanotechnology และ computer science
ก็คงต้องติดตามกันต่อไปครับว่าโครงการนี้จะสามารถทำฝันให้เป็นจริงได้เมื่อไหร่
วีดิโอแสดงตัวอย่างการทำงานของ Claytronics ในอนาคต ซึ่งถูกสร้างสรรค์โดย นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย คาร์นิกี เมลลอน
อ้างอิงจาก
http://www.cs.cmu.edu/~claytronics/index.html
Biodegradable mobile phone
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัสดุ(Materials expert) จากมหาวิทยาลัย วอร์ริก (Warwick University) ได้ ประดิษฐ์ กรอบของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสามารถถูกย่อยสลายได้ในหนึ่งสัปดาห์ และกลายเป็นดอกไม้ภายหลัง
นักวิจัยได้ออกแบบให้ เมล็ดพันธุ์พืชถูกบรรจุไว้ในช่องโปร่งแสงบนกรอบมือถือ โดยที่ให้นักพฤกษศาสตร์ทางด้านพืชสวน (Horticulturist) ได้ทดสอบหาพันธุ์พืชที่เหมาะสมที่สุด [ในการเจริญหลังจากมือถือย่อยสลายแล้ว – by Drakong]
ต้นแบบ (Prototype) ของโทรศัพท์มือถือนี้ พบว่า ดอกทานตะวันแคระ (Dwarf sunflower) เป็นพันธุ์พืชที่เหมาะสม
ผลิตภัณฑ์นี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัทเทคโนโลยีทางด้านวัสดุ - PVAXX Research & Development Ltd of Cheltenham – กับ บริษัทเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสาร - Motorola
Friday, March 7, 2008
Wednesday, March 5, 2008
ทดลองสาเหตุของรถติด "Backward travelling wave"
จากข่าวเก่าที่นักคณิตศาสตร์ได้นำเสนอแบบจำลองที่อธิบายสาเหตุของรถติด (อ่านข่าวเก่า คลิก) ที่เรียกว่า Backward travelling wave โดยหลักการคือ ทุกครั้งที่คุณหรือใครก็ตามเหยียบเบรก หรือชะลอความเร็ว จะส่งผลให้รถคันหลังคุณเบรกหรือชะลอความเร็วไปด้วย และผลดังกล่าวก็จะส่งต่อเป็นทอดๆไปจนถึงรถคันที่อยู่หลังคุณหลายกิโลเมตร
นักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่นได้ทดสอบแนวคิดดังกล่าวและแสดงให้เห็นว่าเกิดขึ้นจริง โดยในการทดลองนี้ใช้รถ 22 คัน ให้คนขับวิ่งเป็นวงกลม โดยให้คนขับแต่ละคนพยายามบังคับรถที่ความเร็วคงที่ ที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การทดลองแสดงให้เห็นว่า เมื่อคนขับคนใดคนหนึ่งเริ่มขับด้วยความเร็วที่คลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยจาก 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะส่งผลกระทบต่อรถคันหลังๆ และก่อให้เกิดรถติดขึ้นมาในที่สุด
Tuesday, March 4, 2008
ปัญหาทางคณิตศาสตร์อายุ 140 ปี ถูกแก้แล้ว
ล่าสุดนักคณิตศาสตร์จาก Imperial College London ได้แก้ปัญหาที่ไม่มีใครแก้ได้มา 140 ปีนี้จนสำเร็จแล้ว โดยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีที่เรียกว่า Schottky Groups เพิ่มเข้าไปยังสูตรดั้งเดิมของ Schwarz-Christoffle formula จนได้สูตรใหม่ที่สามารถประยุกต์ใช้กับรูปทรงใดๆ ก็ได้
โปรเฟสเซอร์ Darren Crowdy เจ้าของผลงาน กล่าวว่าเขาได้ฟังปัญหานี้ขณะฟังการบรรยายอยู่ในปารีส แล้วก็เกิดอาการปิ๊งแว่บถึงวิธีการแก้ปัญหาขึ้นมาทันที เขาจึงลุกออกจากห้อง และเริ่มลงมือแก้ปัญหาดังกล่าว จนประสบความสำเร็จในที่สุด
ที่มา
Timesonline
EurekAlerts
Saturday, March 1, 2008
ชิ้นส่วนสุดท้ายของ Atlas Experiment ถูกประกอบแล้ว
จากข่าวเก่าที่นำเสนอการทดลองระดับโลกที่จะไขความลับของจักรวาล Atlas Experiment (อ่านข่าวเก่า คลิก) โครงการดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 กุมภาพันธ์ เวลาของสวิตเซอร์แลนด์) ทีมนักวิจัยได้ประกอบชิ้นส่วนสุดท้ายในส่วนของเครื่องตรวจจับอนุภาค ซึ่งทำให้เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเครื่องนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยนักวิจัยจะเริ่มทดสอบระบบในเร็วๆนี้ ก่อนที่จะเริ่มทำการทดลองจริงประมาณกลางปีนี้ ซึ่งทางเราจะนำความคืบหน้ามานำเสนอต่อไป
ที่มา/ภาพ Atlas Experiment
TRIM22 ยีนต่อสู้ไวรัส HIV
ซึ่งหมายถึงว่า ไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนและแพร่กระจายไปยังเซลล์อื่นๆ ได้ การค้นพบครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า เซลล์มนุษย์มียีนธรรมชาติที่สามารถป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสได้ การค้นพบนี้เมื่อรวมเข้ากับการใช้วัคซีนอาจจะสามารถใช้รักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ได้
ที่มา Physorg.com
สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม รับนักศึกษาประจำปี 2551
เปิดรับสมัครนักศึกษาใน
1. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิทยาการหุ่นยนต์เเละระบบอัตโนมัติ(FRA)
2. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพัฒนาความสามารถทางการเเข่งขันเชิงอุตสาหกรรม(GDIC)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Saturday, February 23, 2008
ถอดรหัสจักรวาลด้วย ATLAS Experiment
ATLAS Experiment คือการทดลองทางด้าน ฟิสิกส์อนุภาค (Particle Physics) ด้วยเครื่องเร่งอนุภาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่นักฟิสิกส์เคยสร้างขึ้นมา เพื่อศึกษาอนุภาคพื้นฐานที่ประกอบขึ้นเป็นจักรวาลและรวมถึงตัวเรา เครื่องเร่งอนุภาคดังกล่าวเมื่อสร้างเสร็จ จะประกอบด้วยอุโมงค์ที่ใช้เร่งอนุภาคที่มีความยาวถึง 27 กิโลเมตร (วางตัวเป็นวงกลมกินพื้นที่ทั้งในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส-ดูภาพด้านบน) มีนักฟิสิกส์มากถึง 2,100 คนที่ทำงานอยู่ในโปรเจคนี้
หากเราย้อนกลับไปทบทวนความรู้สมัยม.ปลาย เราจะอาจเคยเข้าใจว่าอนุภาคพื้นฐานที่ประกอบขึ้นเป็นสสารต่างๆ คือ โปรตรอน นิวตรอน และอิเลกตรอน อย่างไรก็ตาม เมื่อความรู้ทางฟิสิกส์ก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ นักฟิสิกส์พบว่ายังมีอนุภาคพื้นฐานที่ย่อยลงไปอีกหลายชนิด อนุภาคเหล่านี้บางตัวค้นพบหลังจากมีการทำนายถึงการมีอยู่เป็นเวลาหลายสิบปี บางตัวยังไม่สามารถค้นพบได้ด้วยเครื่องมือปัจจุบัน Atlas Experiment จึงเกิดขึ้นเพื่อค้นหาและศึกษาอนุภาคเหล่านี้ ซึ่งอาจจะทำให้เราเข้าใจโครงสร้างของจักรวาลได้ดียิ่งขึ้น
หลักการของเครื่องเร่งอนุภาคคือ อนุภาคจะถูกปล่อยออกจากต้นกำเนิดให้วิ่งออกไปตามท่อในอุโมงค์ทั้งสองด้านของเส้นรอบวงวงกลม อนุภาคจะถูกเร่งจนถึงความเร็วเกือบเท่าแสง ก่อนไปชนกันที่เครื่องตรวจวัด ขณะที่อนุภาคชนกัน พลังงานของอนุภาคจะถูกเปลี่ยนเป็นมวล ซึ่งก่อให้เกิดอนุภาคอื่นๆ อนุภาคเหล่านี้อาจจะไม่เสถียรและเปลี่ยนไปเป็นอนุภาคอื่นภายในเสี้ยวของเสี้ยวของเสี้ยววินาที แต่นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของมัน รวมทั้งเพียงพอที่นักฟิสิกส์จะศึกษาคุณสมบัติของมัน
การทดลองนี้จะเริ่มต้นในกลางปีนี้ (2551) exscinet จะนำความคืบหน้ามาเสนอในโอกาสต่อไป
ที่มา ATLAS.ch
Friday, February 22, 2008
รู้หรือไม่: จีโนมมนุษย์
2) ชุดรหัสดังกล่าวประกอบด้วยหน่วยพื้นฐาน ซึ่งก็คือ นิวคลีโอไทด์ 4 ชนิด แทนด้วยตัวอักษร A T C และ G
3) ลำดับการเรียงของตัวอักษร 4 ตัวนี้ (เช่น ATCCTGGC...) จะเป็นตัวกำหนดการสร้างโปรตีน การเรียงของรหัสที่ต่างกัน
สร้างโปรตีนต่างชนิดกัน
4) จีโนมมนุษย์ประกอบด้วยรหัส 3 พันล้้านตัวอักษร (3,000,000,000)
5) หากนำเอารหัสทั้งชุดของจีโนมมนุษย์มาเขียนลงสมุดโทรศัพท์ความหนา 500 หน้า จะต้องใช้สมุดโทรศัพท์ทั้งหมด 200 เล่ม
6) ความแตกต่างของมนุษย์แต่ละคน (สีผิว ความสูง หน้าตา) เกิดจากความแตกต่างของรหัสในจีโนมเพียงแค่ 0.2% เท่านั้น อีก
99.8% ของจีโนมจะเหมือนกันหมดในมนุษย์ทุกคน
7) 98% ของจีโนมมนุษย์ เหมือนกับ จีโนมของลิงชิมแปนซี (เพียงแค่ 2% ที่กำหนดว่าเราเป็นคนหรือลิง!!!)
8) 97% ของจีโนมมนุษย์ ที่เรายังไม่รู้หน้าที่ของมัน
Thursday, February 14, 2008
ภาพจากแลป: ปัญญาลิง
วีดีโอการศึกษาพฤติกรรมการแก้ปัญหาของลิงชิมแปนซี (สิ่งมีชีวิตที่ถูกเชื่อว่าฉลาดทีุ่สุดรองจากมนุษย์) โดยนักวิจัยจาก Max Planck Institute ประเทศเยอรมันนี
Wednesday, February 13, 2008
วิศวกรรมย้อนรอยสร้างสินค้าใหม่
รศ.ดร.สุธีระ ประเสริฐสรรพ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์บริการ เปิดเวทีสัมมนาเสนอให้ผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการจากภาคธุรกิจใช้วิศวกรรมย้อนรอยเป็นทางลัดสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ "การนำวิศวกรรมย้อนรอยมาใช้ในกระบวนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในไทยจะช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาการวิจัยให้ก้าวกระโดดทันต่างประเทศ" นักวิชาการประจำสกว. กล่าว
วิศวกรรมย้อนรอยเป็นการศึกษาโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ให้รู้ถึงความสามารถ และการทำงานของชิ้นส่วนประกอบแต่ละชิ้น เพื่อนำมาดัดแปลงเพิ่มในส่วนที่ยังขาด สำหรับพัฒนาสินค้าอย่างก้าวกระโดด และยังสามารถส่งผลิตภัณฑ์เพื่อการแข่งขันในตลาดโลก รวมทั้งการจดสิทธิบัตรครอบครองเป็นเจ้าของได้ด้วย
ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สกว.อธิบายว่า ผู้ประกอบการไทยมักเข้าใจผิดว่าวิศวกรรมย้อนรอยเป็นการลอกเลียนแบบสินค้าและผลิตภัณฑ์ การสัมมนาครั้งนี้จึงจัดขึ้นเพื่อชี้แจงความหมายและแนะแนวทางการนำวิศวกรรมย้อนรอยสำหรับนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาสินค้าของไทยในอนาคตด้วยการนำผลงานสิทธิบัตรมาต่อยอด
ประเทศที่เป็นผู้นำด้านวิศวกรรมย้อนรอยจนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ญี่ปุ่นและเกาหลี จนสามารถผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เครื่องไฟฟ้า เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้ไม่แพ้ประเทศผู้นำอย่างสหรัฐ เยอรมนี หรือฝรั่งเศส
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 http://www.bangkokbiznews.com/2008/02/11/WW54_5401_news.php?newsid=227715
Tuesday, February 12, 2008
วิจัยเซลล์สมองบนแผ่นชิพ (Chip)
Lab-on-a-chip คือ แผ่นชิพขนาดเล็ก ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในงานวิจัยที่ทำการทดลองบนแผ่นชิพ จุดเด่นจุดหนึ่งของแผ่นชิพดังกล่าว คือการที่นักวิจัยสามารถควบคุมทิศทางและปริมาณของของเหลวปริมาณน้อยๆ ที่นักวิจัยสนใจศึกษา ให้ไหลไปบนแผ่นชิพได้
นักวิจัยจาก Johns Hopkins Whiting School of Engineering และ the Institute for NanoBioTechnology ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกแบบแผ่นชิพเพื่อทำการศึกษาการตอบสนองของเซลล์สมองต่อฮอร์โมนหรือสารเคมีต่างๆ
โดยเซลล์สมองหนึ่งเซลล์จะถูกเลี้ยงบนแผ่นชิพดังกล่าว หลังจากกนั้นนักวิจัยก็จะควบคุมให้สารที่ต้องการจะศึกษาไหลเข้าไปยังเซลล์สมอง เพื่อศึกษาว่า เซลล์สมองมีการตอบสนองอย่างไรบ้าง
ในเบื้องต้นทีมวิจัยพบว่า หากบังคับให้สารกระตุ้นการเจริญเติบโตหรือ Growth signal ไหลอยู่รอบเซลล์ เซลล์สมองจะเจริญเติบโตไปยังด้านที่มีความเข้มข้นสูงสุด แต่หากความเข้มข้นของสารมีค่าเท่ากันทุกด้าน เซลล์สมองจะเจริญเติบโตไปในทิศทางอย่างสุ่ม
ทีมนักวิจัยยังมีแผนการที่จะทดสอบสารอีกหลายชนิด รวมถึงการผสมสารหลายชนิดเข้าด้วยกัน เพื่อจำลองสภาพแวดล้อมจริงของเซลล์สมอง เพื่อศึกษาพฤติกรรมอื่นๆของเซลล์สมองต่อไป
ที่มา PhysOrg.com
ภาพจาก Wikipedia
Wednesday, February 6, 2008
เขย่าไวรัสให้ตาย
ที่มา/ภาพ LiveScience
Sunday, February 3, 2008
Nano-Bio Battery
อย่างไรก็ตาม นาซ่า (NASA) ได้กล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติในการนำพาประจุบวกและลบของโปรตีนที่ถูกเรียกว่า เฟอร์ริติน (Ferritin)
Ferritin สามารถจัดเรียงตัวของมันเอง (Self-assemble) ไปเป็นแผ่นชั้นระดับนาโน (Nanolayer) ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น ถ้าสร้างชั้นของ ferritin ขึ้นมาก่อนชั้นหนึ่ง หลังจากนั้นสร้างอีกชั้นหนึ่งที่มีประจุตรงข้ามกับชั้นแรก ทับลงไปบนชั้นแรก ผลก็คือแผ่น ferritin ที่มีความหนาเพียงไม่กี่นาโนเมตรซึ่งสามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้ หรือก็คือ แบตเตอรี่นั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้น การเพิ่มจำนานชั้นของ ferritin จะยิ่งเพิ่มความสารถในการเก็บประจุมากขึ้นด้วย นาซ่ายังอ้างอีกด้วยว่าการสร้างนาโนแบตเตอรี่ชนิดนี้ไม่เพียงแต่คงทนและมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่สามารถผลิตได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายอีกด้วย
[หมายเหตุ by Drakong: นาโนแบตเตอรี่ คือแบตเตอรี่ที่สร้างโดยใช้เทคโนโลยีด้านนาโนเทค หลักการก็คือการสร้างเซลล์แบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กมากๆ ระดับนาโน(หนึ่งส่วนพันล้านเมตร)
ที่มา NewSciencist
Friday, February 1, 2008
สเปิร์มจากเพศหญิง???
หากสามารถผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ Prof. Karim Nayernia หวังว่าอีกหน่อย เลสเบี้ยนอาจจะสามารถมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้หญิงทั้งสองฝ่ายได้ โดยผลิตสเปิร์มจากสเตมเซลล์ของคนหนึ่งและไปผสมกับไข่ของอีกคนหนึ่ง
ที่มา Telegraph.co.uk
ภาพ Scienceagogo.com
พลังงานจากแบคทีเรีย???
ที่มา EurekAlert
Tuesday, January 29, 2008
วิทย์+ศิลป์ ในตารางธาตุ
คลิกลิงค์
http://azuregrackle.com/periodictable/table/
เพื่อเข้าไปดูคำอธิบายของแต่ละธาตุและภาพศิลป์
ที่มา/ภาพ
AzureGrackle
Neatorama
Saturday, January 26, 2008
หุ่นยนต์บอกทาง
Advanced Telecommunications Research Institute (ATR) ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวหุ่นยนต์บอกทาง ที่จะปรี่เข้ามาหาคุณทันทีเมื่อมันรู้ว่าคุณกำลังหลง หุ่นยนต์ที่ถูกทดสอบการใช้งานในห้างแห่งหนึ่ง ทำงานร่วมกับกล้องวีดีโอ 16 ตัว เครื่องจับระยะด้วยเลเซอร์ 6 ตัว และตัวจับสัญญาณวิทยุอีก 9 ตัว ที่ติดตั้งในพื้นที่ 100 ตารางเมตรของห้าง ทำให้หุ่นยนต์สามารถติดตามพฤติกรรมของนักช้อปที่เดินอยู่ในบริเวณดังกล่าวพร้อมกันถึง 20 คน โดยหุ่นยนต์จะวิเคราะห์พฤติกรรมต่างๆ ของนักช้อป เช่น ยืนรอ เดินแบบไร้ทิศทาง ฯลฯ หากหุ่นยนต์แปลพฤติกรรมดังกล่าวว่า คุณกำลังหลงทาง มันก็จะวิ่งเข้ามาถามทันทีว่า "คุณหลงทางหรือเปล่า" หากใช่ มันก็จะแนะนำทางให้คุณ หากคุณบอกว่าเปล่า มันก็จะแนะนำร้านสินค้าหรือร้านอาหารให้คุณ เป็นหุ่นยนต์ที่มีประโยชน์ทีเดียว แต่ก็แอบอายหน่อยๆ หากโดนเจ้าตัวนี้วิ่งปรี่เข้ามาถาม คนอื่นเค้ารู้หมดว่าเราเป็นบ้านนอกเข้ากรุง (ฮา)
ที่มา Pink Tentacle
ภาพจาก Robowatch
สิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ด้วยมือมนุษย์
สังเคราะห์์ขึ้นก่อนหน้านี้
ในขั้นตอนต่อไปทีมนักวิจัยจะนำชุดรหัสพันธุกรรมนี้ใ่่ส่เข้าไปในเซลล์ เพื่อทดสอบดูว่า จะสามารถชักนำให้เซลล์ทำงานได้หรือไม่ โดยหากนักวิจัยส่งชุดรหัสพันธุกรรมสังเคราะห์นี้เข้าไปแทนที่ชุดรหัสพันธุกรรมของแบคทีเรียชนิดอื่น แล้วสามารถเหนี่ยวนำให้แบคทีเรียดังกล่าวเกิดการเปลี่ยนสปีชีส์มาเป็นแบคทีเรีย Mycoplasma genitalium ได้ ก็จะถือว่าพวกเขาสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ตัวแรกของโลกทันที
ที่มา nature.com
Thursday, January 17, 2008
สัตว์โคลนนิ่ง ปลอดภัย และกินได้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2001 FDA ได้ระงับ และเลื่อนการซื้อขายเนื้อและนมที่ได้จากสัตว์โคลนนิ่ง และใช้เวลาศึกษาถึงความปลอดภัยกินเวลานาน กว่า 5 ปี จนได้รายงานผลการวิจัยมามากกว่า 300 หน้า
"ไม่มีผลศึกษาใดระบุเลยว่า คุณค่าทางโภชนาการ และความเป็นพิษ ระหว่างสัตว์ธรรมดาและสัตว์โคลนนิ่ง มีความแตกต่างกัน" ประโยคหนึ่งในงานวิจัย ซึ่งถูกตีพิมพ์ ในวารสาร Theriogenology ณ วันที่ 1 มกราคม 2008
ที่มา USATODAY
Tuesday, January 15, 2008
สร้างเนื้อเยื่อหัวใจใหม่ ให้หัวใจกลับมาเต้นได้
ไปใหม่กลับมาทำงานอีกครั้ง
ดูวีดีโอสาธิตขั้นตอนต่างๆ ที่ Startribune.com
ที่มาและรูป UMN News
Monday, January 14, 2008
ไอเดียสุดเก๋ "เชคแฮนด์" แทนแลกนามบัตร
ที่มา Red dot
Friday, January 11, 2008
สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว Wikia Search Engine เชื่อในปัญญาร่วม
ด้วยความเชื่อในปัญญาร่วม Jimmy Wales ผู้ก่อตั้งสารานุกรมออนไลน์ Wikipedia จึงได้ใช้หลักการดังกล่าว จนเวปสารานุกรมออนไลน์แห่งนี้กลายเป็นที่นิยมสูง ด้วยการให้ผู้ใช้งานสามารถช่วยกันเขียนและแก้ไขบทความต่างๆ จนได้บทความที่เกิดจากปัญญาร่วมนั่นเอง
ล่าสุด Jimmy Wales ยังได้เปิดตัวเวปค้นหา หรือ Search Engine ตัวใหม่ที่ใช้แนวคิดเดิม โดยให้ผู้ใช้ Search Engine ช่วยกันแก้ผลการค้นหากันเอง โดยแรกเริ่มจะให้ผู้ใช้ให้ความเห็นกับเวปต่างๆ ที่แสดงขึ้นมาจากผลค้นหา ซึ่งความเห็นต่างๆ ก็จะถูกนำไปใช้จัดลำดับผลการค้นหาในภายหลัง
ขณะนี้เวป Wikia Search Engine ยังเป็นเพียงเวอชั่นแอลฟาเท่านั้น
ลิงค์ Wikia Search Engine
Wednesday, January 9, 2008
ชุดทรงพลัง
ที่มา Pink Tentacle
นักวิจัยชี้ สมองเราเป็นนักเิดินทางข้ามเวลา
ล่าสุดนักวิจัยได้เสนอว่า ขณะที่เราไม่ทำอะไร สมองกำลังเดินทางข้ามเวลา โดยการย้อนกลับไปคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ในอดีตที่เก็บอยู่ในสมอง (ความทรงจำของเรา) หรือแม้กระทั่งเดินทางไปยังอนาคตด้วยการทำนายสิ่งต่างๆ จากข้อมูลที่สมองมีอยู่ ขณะที่เราตั้งใจทำอะไรบางอย่าง (อ่านหนังสือ คิดเลข ดูทีวี) เราจะมีสมาธิอยู่กับ "ปัจจุบัน" และสมองส่วนที่รับผิดชอบในกิจกรรมนั้นๆ ก็จะทำงาน แต่ในขณะที่เรา "ไม่ทำอะไร" เราก็จะเริ่มทบทวนเรื่องในอดีต คาดเดาเรื่องในอนาคต และสมองส่วนที่ไม่ทำอะไร ตอนเราทำอย่างอื่น ก็จะเริ่มทำงาน โรคอัลไซเมอร์เป็นตัวอย่างหนึ่งของความผิดปกติในการทำงานของสมองส่วนนี้ ทำให้ผู้ป่วยติดอยู่กับปัจจุบัน และไม่สามารถใช้สมองย้อนไปในอดีตหรือคาดการณ์อนาคตได้
คำถามต่อมาคือ เราทำอย่างนั้นเพื่ออะไร นักวิจัยได้ชี้ประโยชน์ของการทบทวนเรื่องในอดีตว่า เป็นการช่วยให้เราเรียนรู้เรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น โดยการ "รีเพลย์" เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วิเคราะห์และเรียนรู้ ซ้ำไปซ้ำมา โดยไม่ต้องไปเจอเหตุการณ์นั้นอีกในชีวิตจริง นอกจากนี้การเอาเหตุการณ์ในอดีตหลายๆ เหตุการณ์มาวิเคราะห์ร่วมกัน ยังทำให้เราคาดเดาอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย
ที่มา TIME.com
Monday, January 7, 2008
นาฬิกาสำหรับคนชอบคณิตศาสตร์
ให้ X = 0.999...
10X = 9.999...
ลบบรรทัดสองด้วยบรรทัดแรก
9X = 9
ดังนั้น X = 1 = 0.999...
ที่มา News.com
Robo Fight: จากเรื่องราวแห่งจินตนาการบนกระดาษ สู่ความเป็นจริง
จากวันนั้น ผ่านมาประมาณ 30 ปี จนถึงวันนี้ จูโอมารู บนผืนกระดาษ เริ่มที่จะปรากฏเค้าลางให้เห็นในชีวิตของเราจริงๆแล้ว
ตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา ได้มีการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น เรียกว่า ROBO-ONE โดยหุ่นยนต์ที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้ ไม่ใช้หุ่นยนต์ลักษณะ เคลื่อนที่ด้วยล้อ และมีแขนกลในการหยิบจับของ หรือทำหน้าที่อื่นๆ ตามที่เห็น ในการแข่งขันบ้านเรา แต่เป็นหุนต์ยนต์ที่เดินด้วยขา 2 ขา และลักษณะคล้ายคน (Bipedal Humanoid Robot)
ในการแข่งขัน ได้แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ซึ่งแน่นอน มีการแข่งขันต่อสู้ระหว่างหุ่นยนต์เหมือนในการ์ตูนด้วยเช่นกัน
ส่วนใน อเมริกา ได้มีการจัดการแข่งขันเช่นเดียวกัน แต่เริ่มตั้งแต่ปี 2004 และใช้ชื่อว่า ROBOGAMES
แม้ว่า หุ่นยนต์ต่อสู้ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถ กระโดดเตะต่อย ได้เหมือนในการ์ตูนก็ตามที แต่ผมเชื่อว่า อีกไม่กี่ปีเราคงได้เห็น จูโอมารู หรือ กันดั้ม ออกมาจาก การ์ตูนแน่ๆ
อ้างอิงจาก
Saturday, January 5, 2008
นักวิจัยค้นพบฮอร์โมนที่ทำให้ไม่หลับ
ที่มา The Daily Galaxy
Friday, January 4, 2008
ชม 7 หนังไซไฟจากยุโรปที่ม.ธรรมศาสตร์
ที่มา เมเนเจอร์ออนไลน์
รายละเอียดเพิ่มเติม เวปไซด์สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Thursday, January 3, 2008
แนวคิดใหม่ ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะแมลง
จนนำมาซึ่งการสูญพันธุ์ อย่างไรก็ตามแนวคิดดังกล่าวไม่สามารถอธิบายการลดลงของจำนวนไดโนเสาร์อย่างช้าๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เรียกว่า "K-T boundary" ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างยุค Cretaceous และ Tertiary
คู่สามีภรรยา George และ Roberta Poinar ได้เสนอแนวคิดที่แตกต่างออกไปในหนังสือเล่มใหม่ของพวกเขา “What Bugged the Dinosaurs? Insects, Disease and Death in the Cretaceous” โดยการศึกษาฟอสซิลแมลงที่พบในยางไม้ พวกเขาแนะนำว่าแมลงเหล่านี้เคยมีอิทธิพลสำคัญในยุค Cretaceous และแมลงกินเลือดเหล่านี้อาจจะเป็นพาหะนำโรคสำคัญต่างๆ ในหมู่ไดโนเสาร์และเป็นอีกตัวการหนึ่งที่ทำให้จำนวนประชากรไดโนเสาร์ลดลง ซึ่งเมื่อควบคู่กับสาเหตุอื่นๆ เป็นผลทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ในที่สุด
ที่มา PhysOrg.com